ลอนดอน 7 ธ.ค. – ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นระบุว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สูตรไขว้ที่โดสแรกเป็นวัคซีนของแอสตราเซเนกาหรือไฟเซอร์และโดสสองเป็นวัคซีนของโมเดอร์นาทำให้มีการตอบสนองต่อภูมิต้านทานโรคโควิด-19 ดีขึ้นหลังฉีดห่างกันเป็นเวลา 9 สัปดาห์
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุในผลวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ตว่า หากฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นเข็มแรกและฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาหรือโนวาแวกซ์เป็นเข็มสอง จะทำให้ระดับแอนติบอดีและการตอบสนองของที-เซลล์ (T-cell) ซึ่งมีหน้าที่ค้นหาและกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อ มีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาสองโดส ขณะที่การฉีดวัคซีนของไฟเซอร์เป็นเข็มแรกและฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาเป็นเข็มสองทำให้มีประสิทธิภาพด้านภูมิต้านทานดีกว่าการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์สองโดส ส่วนการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์เป็นเข็มแรกและฉีดวัคซีนของโนวาแวกซ์เป็นเข็มสอง จะทำให้ระดับแอนติบอดีเพิ่มขึ้นมากกว่าการได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาสองโดส แต่มีการตอบสนองของที-เซลล์และแอนติบอดีน้อยกว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สองโดส ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงข้อวิตกกังวลด้านความปลอดภัยจากการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ข้างต้น
ผศ.แมทธิว สเนป ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทดลองฉีดวัคซีนในกลุ่มอาสาสมัคร 1,070 คน เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ผลการทดลองพบว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ที่โดสแรกวัคซีนของแอสตราเซเนกาหรือไฟเซอร์และโดสสองเป็นวัคซีนของโมเดอร์นาทำให้มีการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ดีขึ้นกว่าการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาสองโดส ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากผลการวิจัยในครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางที่ยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดสองเข็มแรก โดยที่อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อกัน เนื่องจากมีปริมาณไม่เพียงพอหรือไม่แน่นอน. -สำนักข่าวไทย