ซิดนีย์ 2 ม.ค.- รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลียบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยและจำกัดกิจกรรมต่าง ๆ ครั้งใหม่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แบบเป็นกลุ่มก้อนขยายวงไปยังรัฐวิกตอเรีย
นางแกลดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงข่าววันนี้ว่า ทางการให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดี งานและเศรษฐกิจด้วย จึงออกมาตรการใหม่ที่มั่นใจว่า จะสามารถเพิ่มและส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจและการจ้างงาน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องจำกัดเชื้อไวรัสไม่ให้แพร่ระบาดด้วย มาตรการใหม่ได้แก่ การลดจำนวนการเปิดสถานออกกำลังกาย ห้ามการเต้นรำร้องพลงตามไนต์คลับ จำกัดคนร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน งานศพ และศาสนสถาน ส่วนการแข่งขันคริกเกตออสเตรเลีย-อินเดีย 5 วันที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมจะดำเนินต่อไป แต่ให้คนเข้าร่วมเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ยังบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 4,630 บาท)
ด้านรัฐวิกตอเรียที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับสองของประเทศบังคับสวมหน้ากากอนามัยแล้วตั้งแต่สัปดาห์นี้ จำกัดการรวมกลุ่ม และปิดพรมแดนด้านติดกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ หลังจากทางการเผยว่า ผลการถอดรหัสพันธุกรรมผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในรัฐวิกตอเรียพบว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อนในรัฐนิวซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรียมีผู้ป่วยสะสม 20,376 คน เสียชีวิต 820 คน มากที่สุดในออสเตรเลียที่มีผู้ป่วยสะสม 28,427 คน เสียชีวิต 909 คน ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์มีผู้ป่วยสะสม 4,928 คน เสียชีวิต 54 คน.-สำนักข่าวไทย