กรุงเทพฯ 29 พ.ย. – นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ค่อนข้างทรงตัวท่ามกลางเศรษฐกิจประเทศเติบโตมากกว่าร้อยละ 3 โดยมีปัจจัยดอกเบี้ยต่ำสนับสนุนการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากต้นทุนผู้ประกอบการและผู้กู้สินเชื่อซื้อบ้านจะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำลง จึงประเมินว่าอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ 5 และยืนยันว่าอสังหาริมทรัพย์ภาพรวมไม่อยู่ในภาวะล้นตลาดหรือโอเวอร์ซัพพลาย ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะได้รับอานิสงส์ขยายตัวในอัตราที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยประเมินว่าน่าจะขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 5
นายประทีป กล่าวในการเสวนา “ผ่าขุมทรัพย์ธุรกิจอสังหาริทรัพย์รายกลาง รายย่อม สู่ความสำเร็จ” ในการเปิดตัวสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร (REP) ว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แม้เป็นรายกลางและรายเล็กสามารถเติบโตได้ เพราะใช้ความคล่องตัวและการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีมากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ พร้อมใช้ความถนัดมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจต้องทุ่มเท และทำงานหนักกว่าการเป็นลูกจ้าง และการเป็นกิจการขนาดเล็กยังประสบปัญหาขาดข้อมูลต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ประกอบการด้วยกันและใช้ต้นทุนที่ถูกกว่า บริการที่ดีกว่า ทำตลาดนิชมาร์เก็ตที่ลูกค้าอยากได้ แต่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำโครงการลักษณะนี้ในตลาดมาก่อน
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจภาพรวมโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ โครงการขนาดเล็ก ลดลงร้อยละ 5 ส่วนโครงการขนาดใหญ่ลดลงร้อยละ 15 อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 2560-2561 น่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 4-5 ในปี 2560 และเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ในปี 2561 เพราะอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวต่ำสุดแล้ว น่าจะดีขึ้น เอสเอ็มอีควรจะไปต่างประเทศ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น เพราะเมืองใหญ่มีประชากรหนาแน่นยังมีโอกาสทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่จะต้องทำลักษณะที่เป็นที่นิยมของตลาด เช่น ซื้อคอนโดหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์มาปรับปรุงใหม่และเริ่มต้นจากเล็กสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไป
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องพิจารณาแนวโน้มความต้องการตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น คือ ไทยและโลกเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งในอาเซียนประเทศที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คือ ไทยและสิงคโปร์ ดังนั้น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องนำเสนอโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างเหมาะสม ส่วนไทยปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังมีการออกแบบบ้านไม่เหมาะสมกับสังคมผู้สูงอายุมากนัก จึงยังมีช่องว่างการตลาด
นอกจากนี้ แนวโน้มสังคมไทยปัจจุบันเริ่มปรับเปลี่ยนสู่สังคมเมืองมีมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จะต้องตอบโจทย์ให้ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองให้ได้ ส่วนรูปแบบการทำโครงการอสังหาริมทรัพย์เฉพาะคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าที่ผู้อยู่อาศัยตื่นขึ้นมาก็ออกไปทำงานเท่านั้น นับเป็นแนวทางที่ล้าสมัยแล้วต้องปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ความต้องการใหม่นี้ให้ได้ และ ผู้ประกอบการจะต้องทำงานร่วมกันเกิดแรงผนึกจากการรวมตัวกันจะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กรอดได้และต้องมุ่งสู่ตลาดนิชมาร์เก็ต แต่จะต้องวิเคราะห์ให้ได้ผลชัดเจน หากไม่ก็แพ้ตั้งแต่เริ่มต้นคิดโครงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (29 พ.ย.) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายกลาง-เล็ก รวมตัวตั้งสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร (REP) เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนายอภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์ เป็นนายกสมาคมฯ คนแรก.-สำนักข่าวไทย