กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – กรมธนารักษ์ทบทวนกรณีให้เอกชนเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวให้กรมธนารักษ์ทบทวนการจัดให้เอกชนเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตตำบลเข็กน้อยนั้น กรมธนารักษ์ขอชี้แจงว่า ที่ดินราชพัสดุในเขตตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มาโดยประกาศคณะปฏิวัติให้เพิกถอนบางส่วนของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่ เพื่อนำมาขึ้นทะเบียนเป็นของกระทรวงกลาโหม
เมื่อปี พ.ศ. 2510 กองทัพบกได้อพยพชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ตำบลเข็กน้อย เนื่องจากมีการสู้รบและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ในพื้นที่บริเวณเขาค้อ และได้มีการจัดตั้งเป็นศูนย์สงเคราะห์ชาวเขา กอ.รมน. รวมทั้งเป็นที่ตั้งกองร้อย ชกส. 31 และหมู่บ้านชาวเขาโดยอยู่ในความดูแลควบคุมของกระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) จนเมื่อสถานการณ์การสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่อำเภอเขาค้อยุติลง จึงมีส่วนราชการต่างๆ เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ รวมถึงราษฎรเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากที่ดินราชพัสดุแปลงเข็กน้อยมีปัญหาราษฎรเข้าครอบครองทำประโยชน์ มายาวนาน และไม่ยินยอมเช่า รวมถึงมีการโต้แย้งสิทธิกับทางราชการมาโดยตลอด ประกอบกับกองทัพบกมิได้ใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุแล้ว กรมธนารักษ์จึงได้ประสานขอคืนพื้นที่เพื่อนำมาจัดให้ราษฎรที่ครอบครองทำประโยชน์เช่าให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่ราชพัสดุ และตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เป็นต้นมาได้ดำเนินการจัดให้ราษฎรที่ยินยอมเช่าเพื่ออยู่อาศัย ประกอบการเกษตร และประโยชน์อย่างอื่น จำนวน 48 ราย ซึ่งรวมถึงนายกุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ ต่อมานายกุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ ได้ขออนุญาตเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่าที่ดินจากเดิมเช่าเพื่อประกอบการเกษตรเป็นการประกอบกิจการโรงแรมหรืออาคาร ที่พักแรมและขอนำรถแม็คโครเข้าไปปรับพื้นที่ ซึ่งสำนักงานธนารักษ์พื้นที่เพชรบูรณ์ได้พิจารณาอนุญาตให้ดำเนินการตามระเบียบ เมื่อกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเพชรบูรณ์ขอให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุบริเวณดังกล่าวว่าอยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำหรือไม่ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่เพชรบูรณ์จึงแจ้งให้นายกุญช์ภัสส์ พัฒนฉัตรรุ่งรุจ ระงับการดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ไว้ก่อนจนกว่าจะมีการตรวจความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ยินดีให้ความร่วมมือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเพชรบูรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวต่อไป . – สำนักข่าวไทย