กรุงเทพฯ 23 มี.ค. – “สนธิรัตน์” ระดมสรรพกำลังด้านพลังงาน ลดภาระภาคประชาชนจาก COVID-19 ล่าสุด กบน.ลดจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน 50 สต./ลิตร ยกเว้นอี 85 และบี 20 ขอความร่วมมือ ปตท.ลดราคาเอ็นจีวีรถสาธารณะอัตราเดียวกับลดราคาแอลพีจี 3 บาท/กก. เลื่อนการประกาศยื่นประมูลปิโตรเลียมรอบใหม่ไม่มีกำหนด ส่วน รฟ.ชุมชน ไม่เลื่อนประกาศโครงการเริ่มกลาง เม.ย.นี้ ด้านการใช้น้ำมันทรุด มี.ค.หดตัวแล้วร้อยละ 8
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้หารือถึงเรื่องลดภาระของภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 50 สตางค์ต่อลิตรทุกประเภท ยกเว้นอี 85 จัดเก็บเพิ่ม 25 สตางค์/ลิตร และบี 20 ลดเพียง 25 สตางค์/ลิตร โดยจะมีผลวันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นไปเป็นเวลา 2 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ขณะนี้ราคาลดลงจากราคาน้ำมันดิบของตลาดโลก
นอกจากนี้ กบน.ยังเห็นชอบให้ปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯ ในบัญชีก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ส่งผลให้ราคาแอลพีจีวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค. ) ปรับลดลง 3 บาท/กก. เป็นระยะเวลา 3 เดือน ทำให้ถังขนาดยอดนิยม 15 กก. ลดลง 45 บาท/ถัง หรือลดจากถังละ 363 บาท เหลือ 318 บาท
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า ได้หารือกับ บมจ.ปตท.ขอให้เข้ามาร่วมรับภาระช่วยเหลือลดผลกระทบของผู้ประกอบการรถสาธารณะที่ใช้เอ็นจีวี ทั้งรถแท็กซี่ รถเมล์ รถตู้ รถโดยสารระหว่างจังหวัด ขอให้ลดราคาเอ็นจีวีเป็นเวลา 3 เดือน โดยจะลดจากราคา 13.62 บาท/กก. เหลือ 10.62 บาท/กก. ซึ่งเรื่องนี้ทาง ปตท.จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการและเสนอเข้ามาสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริการนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 25 มีนาคม
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ได้กำชับให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เร่งไปตรวจดูความพร้อมของระบบการคืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้ากับประชาชนทั่วไปและเจ้าของกิจการขนาดเล็ก ทั้งในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คิดเป็นวงเงินถึง 32,700 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ถึง 22.17 ล้านราย โดยเปิดให้ประชาชนตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม และเริ่มทยอยคืนเงินวันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไป โดยระดับครัวเรือนเงินคืนตั้งแต่ 300-6,000 บาท ส่วนประเภทกิจการขนาดเล็กนั้น ตัวเลขเงินคืนจะเป็นหลักหมื่นบาทขึ้นไป เป็นต้น
“เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมระบบรองรับให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะคาดว่าจะมีปริมาณผู้ยื่นขอจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ขอผ่านแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ และระบบออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งการไฟฟ้าจะต้องอำนวยความสะดวกประชาชนให้ได้รับเงินคืนเร็วที่สุด ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของภาคประชาชน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ จากทั่วโลกประสบปัญหาจาก COVID-19 และราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในช่วงขาลง ทางกระทรวงพลังงานจึงเลื่อนเวลากำหนดการประกาศเปิดให้ยื่นประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบที่ 23 ไปอย่างไม่มีกำหนดจากเดิมจะเริ่มเปิดเดือนมีนาคมนี้ เพราะหากเปิดไปแล้ว ผู้ที่จะยื่นก็จะไม่สามารถเดินทางมาได้สะดวก รวมทั้งการยื่นเสนอราคาอาจจะได้ราคาที่ต่ำสำหรับประเทศ
ส่วนการประกาศให้ยื่นเพื่อร่วมสมัครโรงไฟฟ้าชุมชน ประเภทควิกวินนั้น จะไม่เลื่อน โดยจะเริ่มประกาศกลางเดือนเมษายนนี้ เนื่องจากโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโครงการนี้
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ได้ประสานงานกับกรมสรรพสามิต เพื่อขอผ่อนผันให้ ปั๊มน้ำมันเป็นพื้นที่ที่สามารถจำหน่ายแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นร้อยละ 70 ได้ เพื่อเป็นจุดให้ประชาชนสามารถมาซื้อไปผสมทำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือได้สะดวก เพราะปัจจุบันนี้แม้มีการผ่อนผันให้โรงงานเอทานอลขายแอลกอฮอล์ได้ แต่ก็ขายให้เฉพาะโรงงานผลิตเจลเท่านั้น โดยตั้งแต่โรงงานเอทานอลเริ่มขายทำให้ราคาแอลกออล์ในท้องตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในส่วนของนโยบายการส่งเสริมอี 20 เป็นน้ำมันหลักของกลุ่มเบนซินนั้น ก็จะเลื่อนประกาศออกไปจากเดิมกำหนดในไตรมาส 3/2563 รวมทั้งลดการอุดหนุนอี 85 เนื่องจากต้องการให้มีแอลกอฮอล์สู่ตลาดการแพทย์ เพื่อช่วยลดปัญหาขาดตลาด จากความต้องการป้องกันโรค COVID-19
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากปรับเปลี่ยนเงินกองทุนน้ำมันฯ วันพรุ่งนี้ ราคาน้ำมันบี 10 กับบี 20 จะต่างเพียง 25 สตางค์/ลิตร ก็จะเป็นการส่งสัญญาณ การส่งเสริมบี 10 เป็นหลัก และจากการลดราคาแอลพีจี ลดเงินกองทุนน้ำมัน 50 สตางค์ต่อลิตร ทำให้กองทุนฯ ร่วมรับภาระ มีรายได้ลดลง 2,300 ล้าน/เดือน โดยคาดว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าเงินกองทุนฯ จะมีฐานะสุทธิประมาณ 20,000 ล้านบาท จากฐานะสุทธิวันที่ 22 มีนาคม อยู่ที่ 36,569 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 42,038 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี ติดลบ 5,469 ล้านบาท
“เงินกองทุนฯ ช่วงจากนี้ไปคาดว่าอาจจะเก็บได้น้อยลง เพราะการเดินทางลดลงจากปัญหา COVID-19 โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมการใช้น้ำมันลดลงถึงร้อยละ 8 อย่างไรก็ตาม กบน.จะติดดตามสถานการณ์ และบริหารกองทุนให้ดูแลเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน” นายกุลิศ กล่าว.-สำนักข่าวไทย