ลำดับเหตุการณ์ “สมคิด-4 กุมาร” กับภารกิจที่เสร็จสิ้น

กรุงเทพฯ 19 ก.ค.- “กลุ่ม 4 กุมาร” ที่มีนายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ยื่นหนังสือลาออกตำแหน่ง พร้อมนำหนังสือลาออกของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มามอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ปรับคณะรัฐมนตรี ย้อนดูเส้นทางของนายสมคิด กับ  “กลุ่ม 4 กุมาร” กัน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชักชวนนายสมคิด มาร่วมรัฐบาล คสช. มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ถูกปรับออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2558 และทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจต่อเนื่องมายาวนานกว่า 5 ปี


นายสมคิด ดึงทีม “4 กุมาร” เข้ามาร่วมทีมเศรษฐกิจ โดยนายอุตตม ร่วมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปี 2558 ก่อนเปลี่ยนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในปี 2559-2562 ล่าสุด คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


เช่นเดียวกับนายสุวิทย์ ที่เข้าร่วมคณะรัฐมนตรีปี 2558 ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และปรับมาเป็นตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในปี 2559 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปี 2560-2562 ตำแหน่งล่าสุด คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

ขณะที่นายสนธิรัตน์ ร่วมคณะรัฐมนตรีในปี 2559 ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในปี 2560-2562  ล่าสุด คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ส่วนนายกอบศักดิ์ เข้ามาเป็นทีมงานของนายสมคิด ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในปี 2560-2560 และตำแหน่งล่าสุด คือ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 “4 กุมาร” ลาออกจากตำแหน่งเพื่อทำงานการเมืองเต็มตัว และว่ากันว่าเป็นการกรุยทางเพื่อรองรับการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่ “4 กุมาร” ตั้งพรรคพลังประชารัฐ และให้นายอุตตม เป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ เป็นเลขาธิการพรรคฯ และนายกอบศักดิ์ เป็นโฆษกพรรค ซึ่งมีภารกิจสำคัญ คือ การพา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนะการเลือกตั้งทั่วไป

แต่การการทำงานการเมืองไม่ง่าย เพราะ “4 กุมาร” ต้องเผชิญแรงกดดันจาก ส.ส.พลังประชารัฐ ให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรค โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ 18 คนลาออก ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง

จากนั้นวันที่ 22 มิถุนายน แกนนำพรรค อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายสันติ พร้อมพัฒน์, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายอนุชา นาคาศัย, นายสุชาติ ชมกลิ่น และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ไปส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค มารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค

ต่อมาในวันที่ 23 มิถุนายน ที่ประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐมีมติเลือก พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค โดยที่กลุ่ม “4 กุมาร” ไม่มีตำแหน่งใดๆ

ต่อมาในวันที่ 9 กรกฎาคม กลุ่ม “4 กุมาร” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในครั้งนั้นได้ชี้แจงเหตุผลสำคัญ คือ บรรลุภารกิจที่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันต่อ “4 กุมาร” ยังไม่หมด เพราะมีเสียงเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ทั้งจากภายนอกและภายในพรรคพลังประชารัฐ จนนำมาสู่การลาออกของนายสมคิด และ “4 กุมาร” ในวันนี้ เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีได้ปรับคณะรัฐมนตรี รวมระยะเวลาการทำงานในรัฐบาล “ประยุทธ์ 2/1” คือ  1 ปี 6 วัน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]