ประธาน กกต.พร้อมถูกตรวจสอบ ถอดถอน

กทม. 14 เม.ย. –ประธาน กกต.ชี้เป็นสิทธิในการเข้าชื่อถอดถอน 7 กกต. และฟ้อง  ม.157 ยืนยันทำงานด้วยความสุจริต พร้อมชี้แจง เผยสั่งสำนักงานสอบเพิ่มกรณีบัตรนอกราชอาณาจักรจากนิวซีแลนด์มาไม่ทัน  เพื่อหาต้นเหตุรับผิดชอบ


นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ  ว่าส่วนตัวรับทราบ และเคารพในทุกความเห็นของทุกคนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เคยพูดถึงความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้จะพูดถึงความกล้าหาญที่จะถูกตรวจสอบ   เราทำงานด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้พิจารณาว่าจะเห็นอย่างไร ส่วนการที่มีผู้ยื่นถอดถอนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) และขู่ว่าจะฟ้องตามมาตรา 157 นั้น นายอิทธิพร  ไม่มองว่าเป็นการขู่แต่อย่างใด แต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของผู้ที่มีความเห็นต่าง ที่มองว่าการทำงานของ กกต.เกิดความผิดพลาด ที่มีสิทธิตรวจสอบได้  ทั้งนี้พร้อมให้ข้อมูลกับหน่วยงานทุกหน่วยหากเรียก  กกต.เข้าชี้แจง ซึ่งผลการพิจารณาขึ้นอยู่กับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง 

นายอิทธิพร   เปิดเผยว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รับทราบรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุความล่าช้าของการส่งบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากนิวซีแลนด์กว่า 1,500 ใบ ที่มาไม่ทันการนับคะแนน ว่า ได้รับรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ได้มอบหมายให้สำนักงาน กกต.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม   ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไร และมีผู้ใดบ้าง ที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในกรณีนี้  ซึ่งการหาผู้รับผิดชอบเป็นเรื่องสำคัญ และถ้ามีผู้ต้องรับผิดชอบจะต้องดำเนินการอย่างไร   


“เบื้องต้นได้รับทราบว่าถุงเมล์ที่บรรจุบัตรเลือกตั้งจากเวลลิงตัน   ต้องมาถึงให้ถึงแอร์นิวซีแลนด์ตามกำหนด แต่เกิดเหตุความล่าช้า   ขณะเดียวกันเมื่อมาถึงแล้ว   มีเหตุอะไรที่ไม่สามารถนำไปส่งทัน ในสถานที่นับคะแนนกลางได้ซึ่งจะรอความชัดเจนจากการดำเนินงาน ติดตามตรวจสอบจากสำนักงาน กกต. ให้หาข้อเท็จจริงถึงความผิดพลาด”นายอิทธิพรกล่าว 

นายอิทธิพร ยังกล่าวว่า เป็นดุลพินิจของสำนักงาน กกต.ว่าหากพบผู้ที่ต้องรับผิดชอบจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ โดยเฉพาะหากเป็นพนักงานภายนอก  ทั้งนี้ประธาน กกต. ย้ำว่า เรื่องนี้คงไม่ล่าช้าไปกว่านี้  เพราะการหาผู้รับผิดชอบถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อถามว่าถ้าเป็นคนภายนอกจะถึงขั้นเอาผิดคนภายนอกได้หรือไม่    นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่อยากพูดในตอนนี้

นายอิทธิพร  ยังกล่าวถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาว่า  ส่วนตัวดีใจ ที่เห็นการตื่นตัวทางการเมืองของคนไทย และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยทางบวก  ทำให้เห็นว่าการเมือง นำประเทศไปสู่การเมืองการปกครองที่มั่นคง  มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง