กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – รมว.เกษตรฯ วอนเกษตรกรเข้าใจ กฟก.ซื้อหนี้ทุกรายไม่ได้ กฎหมายกำหนดซื้อหนี้เฉพาะทำเกษตรไม่เกินรายละ 2.5 ล้านบาท และมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แม้หมดระยะเวลา 180 วันที่เป็นคณะกรรมการเฉพาะกิจยังคงทำหน้าที่คนกลางช่วยเจรจาให้เจ้าหนี้ปรับโครงสร้างหนี้
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ชุดเฉพาะกิจ) ที่ตนเป็นประธานหมดระยะเวลาลงแล้ว ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ปฏิบัติงาน 180 วัน โดยให้แก้ไขหนี้สินเกษตรกรอย่างเร่งด่วน อีกทั้งได้เสนอแนวทางปรับปรุงการบริหารงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) จากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการทำงานปี 2542-2556 พบความไม่เหมาะสมหลายประการ โดยเฉพาะกรณีซื้อหนี้เกษตรกรนอกเกณฑ์ที่ไม่ตรงเงื่อนไขระเบียบของ กฟก.กำหนดว่าเป็นหนี้เกิดจากภาคเกษตรมูลหนี้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อราย รวมทั้งต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหนี้
“การทำงานของ กฟก.ชุดเฉพาะกิจที่ผ่านมานั้น ได้เร่งทบทวนจำนวนเกษตรกรสมาชิก พบว่ามีกว่า 6.7 ล้านราย แต่ที่ประสงค์ให้แก้ไขปัญหาหนี้สินกว่า 450,000 ราย มูลหนี้กว่า 80,000 ล้านบาท ได้พิจารณาหลักเกณฑ์ระเบียบที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ 55,000 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ครม.มีมติพิจารณาแก้ปัญหาหนี้สินลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) 36,000 ราย ทั้งนี้ ยังมีเกษตรกรอีก 4,200 ราย ที่อยู่ระหว่างถูกเจ้าหนี้ฟ้องศาลและอยู่ระหว่างการบังคับคดี ทาง กฟก.เฉพาะกิจได้ประสานงานกับเจ้าหนี้ให้ชะลอการฟ้องร้องและประสานกรมบังคับคดีให้ชะลอการบังคับคดีออกไป ซึ่งเจ้าหนี้บางรายยินยอมชะลอให้ได้กว่า 100 ราย อีกกว่า 4,000 ราย เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับกลุ่มเกษตรกรที่มาชุมนุมเรียกร้องหน้ากระทรวงเกษตรฯ ต้องการให้ กฟก.ดำเนินการช่วยเหลือซื้อหนี้ โดยให้ปฏิบัติตามมติ ครม.ปี 2553 ซึ่งจะให้กระทรวงเกษตรฯ เจรจากับธนาคารและสหกรณ์ที่เป็นเจ้าหนี้ให้ตัดเงินต้นร้อยละ 50 พร้อมดอกเบี้ยทิ้ง ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้ กฟก.ซื้อหนี้ ซึ่งเกษตรกรจะผ่อนชำระกับ กฟก. แต่ด้วยระเบียบการเงินการคลังซึ่งดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกอบกับข้อเสนอแนะจาก สตง.ระบุว่าทาง กฟก.ไม่สามารถซื้อหนี้นอกเกณฑ์ได้ รวมถึงสรุปผลการตรวจสอบการปฏิบัติตามมติ ครม.ปี 2553 แล้วว่ามีกรณีที่ทำไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงขอให้เกษตรกรเข้าใจถึงเหตุผลที่กระทรวงเกษตรฯ ในฐานะคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ เฉพาะกิจ จึงไม่สามารถแก้ไขโดยการซื้อหนี้สินตามข้อเรียกร้องของเกษตรกรบางกลุ่มได้
“ทางกระทรวงเกษตรฯ เห็นใจพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างยิ่งต้องการจะช่วยเหลือในแนวทางที่ทำได้ โดยเป็นคนกลางเจรจาให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้มาพบกัน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นราย ๆ ไป ทั้งนี้ เกษตรกรกรที่เป็นหนี้ต้องไปแสดงตนกับธนาคารและสหกรณ์เจ้าหนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเจรจา โดยเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ยืนยันว่าจะไม่เอาเปรียบเกษตรกรอย่างแน่นอน มีระเบียบในการยุติหนี้บางกรณี ได้แก่ ชราภาพ ผู้พิการ ผู้ป่วยที่ประกอบอาชีพไม่ได้ ผู้เสียชีวิตไปแล้ว ญาติต้องไปแจ้งทางเจ้าหนี้ซึ่งมีระเบียบยกหนี้ให้เลย หากเข้ากระบวนการเจรจาแล้วรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมให้มาประสานกับ กฟก.อีกครั้ง สำหรับคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจที่ รมว.เกษตรฯ เป็นประธานสิ้นสุดวาระแล้ววันนี้ ดังนั้น อำนาจหน้าที่การจัดการหนี้สินเกษตรกรจะกลับไปเป็นของ กฟก. ดังเดิม ซึ่งจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ กฟก.ใหม่ เกษตรกรเป็นสมาชิกมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง โดยสรุปผลการดำเนินงานของ กฟก.เฉพาะกิจรายงานให้ ครม. รับทราบแล้ว” นายกฤษฎา กล่าว
ขณะนี้เครือข่ายหนี้สินเกษตรกรภาคกลางประมาณ 150 คน ยังคงชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงเกษตรฯ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ กฟก.ได้ไปชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องเงื่อนไขแก้หนี้ของ กฟก.แล้ว อีกทั้งยังมีสหพันธ์เครือข่ายเกษตรกรแห่งประเทศไทยที่ระบุว่ากลุ่มเกษตรกรจะเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้ กฟก.ซื้อหนี้เกษตรกรไปบริหารเองภายใน15 พฤศจิกายนนี้.-สำนักข่าวไทย