จ.สมุทรปราการ 14 ก.ย.-กระทรวงสาธารณสุข จับมือกระทรวงยุติธรรมประกาศเจตนารมณ์ยุติวัณโรคในเรือนจำตามแผนยุทธศาสตร์วัณโรคระดับชาติ เน้นคัดกรองผู้ต้องขังอย่างแม่นยำ ตั้งเป้าประเทศไทยยุติวัณโรคให้ได้ภายในปี 2578
ที่ เรือนจำกลางสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน “คืนคนสุขภาพดี สู่สังคม” โดยมี นายสมชาย เสียงหลาย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค, นายเรืองศักดิ์ สุวารี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารระดับสูง ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ยุติวัณโรคในเรือนจำ
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่าองค์การอนามัยโลกจัดให้ไทยเป็น 1 ใน14 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง แต่ละปีพบผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 1.2 แสนคน เสียชีวิตกว่า 13,800 คน ที่สำคัญมีผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน ประมาณ 4,500คนต้องใช้งบประมาณสูงในการรักษาถึง 1.2 ล้านบาทต่อคน ขณะที่ปัจจุบันพบผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการวินิจฉัยและรักษาเพียงร้อยละ 60 และรักษาหายยังต่ำเพียงร้อยละ 80 ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดทำแผนยุทธศาสตร์วัณโรคระดับชาติปี 2560-2564 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยุทธศาสตร์สำคัญคือ 1.เร่งค้นหาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยวัณโรคให้ครอบคลุม 2.ลดการเสียชีวิตผู้ป่วยวัณโรค 3.พัฒนาศักยภาพบุคลากร 4.สร้างกลไกบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์อย่างยั่งยืนและ 5.ส่งเสริม การวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมการป้องกันดูแลและควบคุมวัณโรค
สำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำเป็น 1 ในกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่มีโอกาสป่วยเป็นวัณโรคสูงกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรม จึงจับมือกันเร่งคัดกรองวัณโรคในเรือนจำให้เป็นรูปธรรม ทั้งเอ็กซเรย์และส่งเสมหะตรวจในห้องปฏิบัติการที่แม่นยำเป็นที่ยอมรับ โดยได้เร่งคัดกรองผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ถึงมิถุนายน 2560 มีผู้ต้องขังทั้งหมด 282,816 ราย พบผลภาพเอ็กซเรย์และส่งเสมหะที่ผิดปกติตรวจ 24,436 ราย ในจำนวนนี้พบผู้ป่วยวัณโรค 1,434ราย แต่หลังจากเร่งรัดคัดกรองในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเพียง 2 เดือนก็พบผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นอีก 1,934 ราย รวมผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำ เป็น 3,368ราย จะเห็นได้ว่าทำให้สามารถนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาได้มากขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2560 อาจพบผู้ป่วยวัณโรคสูงถึง 5,000 ราย ซึ่งหมายถึงการนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาเพื่อตัดวงจรแพร่เชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย