“สมศักดิ์” ปัดอยู่เบื้องหลัง “สามารถ” แนะอย่าเบี่ยงประเด็น

กทม. 30 ต.ค. –“สมศักดิ์” โต้ “ปิยะ” ปัดอยู่เบื้องหลัง “สามารถ” ไล่ไทม์ไลน์คนละช่วงเวลา มั่นใจเป็นเทวดาศูนย์เปอร์เซ็นต์ แนะอย่าเบี่ยงประเด็นให้พ้นตัว ชี้ตอนทำงานร่วมกันไม่มีอะไรเสียหาย ห่วงหว่านแหรู้จักใครก็ผิดไปหมด


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ พาดพิงการแต่งตั้งนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เชื่อมโยงเทวดา ว่า ไม่มีหรอกครับ เทวดา ที่เกี่ยวข้องกับตัวผม มันศูนย์เปอร์เซ็นต์เลย มีผู้คนพยายามปั้น หรือเบี่ยงเบนประเด็น ถ้าลำดับขั้นตอนดีๆ มันไม่เกี่ยวเลย เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น นับวันเวลา เรื่องเข้ากรรมาธิการเมื่อปี 65 เป็นช่วงที่เขาออกจากกระทรวงยุติธรรม แล้วลาออกจากพรรคหรือพรรคให้ออก ก็ไม่ทราบและไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน ความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ไปตรงนั้นตรงนี้ ถ้ามาตรงตนมันเสียเวลาเปล่า เพราะไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ได้ตอบชัดเจนไปแล้ว เอาเวลาไปใส่ใจประเด็นอื่นดีกว่า ไม่ใช่ว่าใครรู้จักใครจะเสียหายไปทั้งหมด การเบี่ยงเบนประเด็นไปหาคนโน้น คนนี้ เพื่อให้พ้นตัวเอง สำหรับตนๆ ไม่ทำอยู่แล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงยุติธรรมเป็นแหล่งรับเรื่องราวร้องทุกข์ของคน ใครจะไปจะมาก็ได้ แต่ต้องเป็นคนดี ทำสิ่งดีๆ การที่คนรู้จักกัน ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ว่าทำงานร่วมกันแล้ว คนหนึ่งทำผิด อีกคนต้องผิดด้วย การสัมผัสกันนิดเดียว ไม่ได้ดูดช็อตกันเร็วเหมือนไฟฟ้า ใครไปทำอะไรที่ไหนมา ไม่ได้ตามดู ไม่รู้หรอก แต่การทำงานส่วนรวมไม่ได้มีความเสียหายในช่วงนั้น เรื่องมันเกิดขึ้นที่ไปร้องเรียน สคบ. ในปี 65


เมื่อถามว่ามีการอ้างชื่อเกี่ยวข้องกับหวยออนไลน์ในแง่กฎหมายจะดำเนินการอะไรหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดำเนินการเขาได้หรือ บอกว่ามีการอ้างชื่อถึงตน แล้วมีพยานที่ไหนล่ะ ถ้ามีพยานอ้างถึง ก็ต้องเป็นคดีความ แต่ถ้าคุยกันสองคน พูดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนหนึ่งบอกพูด อีกคนไม่เห็นจะพูดถึงอะไร ความเกี่ยวข้องไปถึงที่ไหนตามคดีความต่างๆ ถ้าคู่กรณีบอกไม่ได้พูด ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ให้สองคนไปฟ้องกันเอง ตนไม่คิดจะฟ้องอะไรด้วย เพราะไม่รู้จัก

“อย่างวันนี้มีมาอีก ยี่ห้อหนึ่งเรื่องยาโด๊ป เอาชื่อผมไปเกี่ยวข้องอีก พอมีชื่อผมไปเกี่ยวข้องคงขายดีมั้ง ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเรื่องหมิ่นประมาท ทำให้เสียหายก็ต้องดำเนินคดี ขณะนี้เป็นความผิดทางพ.ร.บ.คอมพ์ฯ” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่รู้จักกับนายสามารถอย่างไรนั้น เขาเก่งเรื่องแชร์ลูกโซ่ ตระเวนให้ความรู้ประชาชนที่ถูกกระทำลักษณะฉ้อโกงในหลายจังหวัด เขาก็เป็นคนมีชื่อเสียงเรื่องช่วยเหลือประชาชน การหลอกลวงต้มตุ๋น เล่นแชร์ เรารณรงค์เป็นนโยบายของกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ปราบอย่างไรก็ไม่หมด คนทำงานในส่วนราชการเรื่องแชร์ลูกโซ่ ก็เติบโตเป็นระดับรองอธิบดี อธิบดีกันเยอะแยะ คนที่ตั้งใจทำงานก็ได้ดีกันมากมาย แต่กรณีนี้ไม่รู้ว่าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในเรื่องคลิปที่ออกมา พฤติกรรมช่วงหลังๆ ตนก็ไม่เคยทราบมาก่อน


เมื่อถามว่าพล.ต.ท.ปิยะระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเดียวกับที่ดำรงตำแหน่งรมว.ยุติธรรม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “เขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นเวลาเดียวกัน เขาเป็นตำรวจเก่าใช่ไหม คุณปิยะ เป็นคนสนิทสนมกับพรรคพวกผมที่ตามมาทำงานที่นี่ เมื่อก่อนก็ไปมาหาสู่กัน ไม่มีอะไร ผมบอกแล้วว่าประเด็นต่างๆถ้าหากทำหน้าที่ทางการเมืองแล้ว ทำให้ทุกอย่างดูดี ให้คนอื่นเสียหาย มันเป็นการเมืองที่ไม่ดี ต้องเอาข้อเท็จจริงมา”

เมื่อถามว่าเป็นการเอาคืนจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีเอาคืนหรอก ก็รู้จักกัน พฤติกรรมของคนขณะที่ทำงานร่วมกันไม่มีอะไรเสียหาย ตนก็ไม่เห็นจะจับอะไรเขาได้ เพียงแต่เขาพูด เจ้าทุกข์ยังไม่ได้จ่ายเงิน ก็เลยแป๊กกันหมด หันกลับมาเล่นงานคนรู้จักกันหมดทั่วบ้านทั่วเมือง ประชาชนจะทำงานยากจะเข้ามาร้องเรียนปัญหาไม่ได้ ตนก็ไม่กล้าเจอใคร ตนทำงานตรงไปตรงมา ประชาชนเดือดร้อนอะไรที่ช่วยได้ก็ทำ ถ้าไปเกรงกลัวสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หรอก คนที่ไม่ดี ก็อย่าไปคบ ถ้ายังไม่รู้ว่าเขาไม่ดี เราไม่คบเขาก็ไม่ได้ ก็คบทุกคน นายสามารถขณะนั้นไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่วันนี้มันมีปัญหาเขาก็ต้องมาชี้แจง ดำเนินคดีกับคนที่กล่าวหาเขา จะดีที่สุด แต่ถ้าเขานิ่งไปเราก็ไม่สามารถไปบังคับเขาทำนู่น ทำนี่ได้ .319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]