รัฐสภา 13 มิ.ย.- ‘ยุทธพร’ มอง ประธาน คกก.นิรโทษฯ ควรเป็นบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติ รอ “กมธ.วิสามัญฯ” เคาะวันนี้ แจงไม่ปัดตก “พ.ร.บ.ฉบับประชาชน”
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ถึงความเห็นของคณะอนุ กมธ. ที่ต้องการให้คณะการนิรโทษกรรมควรเป็นบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ ว่าเราเคยได้เสนอเป็นตัวแบบสองทางเลือก คือ 1.ให้เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการฯ 2.ให้ประธานสภาผู้แทนเป็นประธานคณะกรรมการฯ และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานคณะกรรมการฯ แต่ กมธ.วิสามัญก็มีความเห็นที่หลากหลาย ท้ายที่สุดจึงมีการปรับเปลี่ยน และให้น้ำหนักยังคงเป็นของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหลักในการมีบทบาทนำ โดยให้ประธานสภาเป็นประธานคณะกรรมการฯ และนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธานคณะกรรมการฯ
โดยมีเหตุผล 3 ประการ คือ 1.ฝ่ายนิติบัญญัติถือว่าเป็นอำนาจที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด เพราะมาจากการเลือกตั้ง 2.อำนาจนิติบัญญัติ ประกอบไปด้วยพรรคการเมืองที่หลากหลายในสภา จึงมีความเป็นกลางและได้รับการยอมรับจากสังคมมากกว่าฝ่ายบริหาร และ 3.กลไกตรวจสอบและติดตามกระบวนการทำงานของ กมธ.วิสามัญฯ ซึ่งเราได้เสนอไป 2 กลไก คือ กลไกตรวจสอบเชิงประสิทธิภาพ ซึ่งเสนอให้คณะกรรมการฯ ต้องมีเป้าหมายในการทำงานทุก 6 เดือน และเสนอต่อสภา เพื่อพิจารณา ซึ่งเมื่อมีการรายงานแล้ว ไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ จะต้องมีการจัดทำรายงานชี้แจงต่อสภา และมีการเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย และกลไกตรวจสอบความโปร่งใส เสนอให้ สส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือประชาชน ไม่น้อยกว่า 1,000 คน สามารถเข้าชื่อได้ หากพบว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น และจะต้องมีการจัดทำรายงานสอบสวนสืบสวนข้อเท็จจริงโดยสภา เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะ จึงต้องอาศัยกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติในการตรวจสอบคณะกรรมการฯ ชุดนี้
ในการประชุมวันนี้ จะมีการสรุปข้อเสนอทั้ง 7 ข้อที่คณะอนุ กมธ.ฯ เสนอไป แต่ใน กมธ.ชุดใหญ่ ต้องพิจารณาในประเด็นต่างๆ ว่าจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีการเห็นชอบไปเพียง 3 เรื่อง ส่วนตัวคิดว่า กมธ.ชุดใหญ่จะรับทั้งหมด แต่จะฟังทั้งหมดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ กมธ.วิสามัญฯ
สำหรับกรณีเว็บไซต์ของรัฐสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับภาคประชาชน ซึ่งผลปรากฏว่ามีผู้ไม่เห็นด้วยมากกว่า ทาง กมธ. จะปัดตกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า ทั้งร่างของประชาชนและร่างของพรรคการเมือง เป็นเอกสิทธิ์ของสภา
ดังนั้น กมธ.วิสามัญฯ ไม่มีอำนาจไปปัดตกใดๆ ทั้งสิ้น แต่หาก กมธ.วิสามัญฯ มีข้อเสนอก็จะถูกหยิบจับไปเสนอต่อสภา ซึ่งสภาก็มีเอกสิทธิ์ที่จะฟังข้อเสนอหรือไม่ก็ได้ หรือจะฟังทั้งหมด หรือจะฟังแค่เพียงบางส่วนไปใช้ เพื่อไปผนวกกับร่างกฎหมายก็ได้ โดยร่างทั้งหมดที่ถูกเสนอเข้าสภาขณะนี้สภาก็มีเอกสิทธิ์ที่จะนำร่างทั้งหมดมารวมกันทั้งหมด หรือจะไม่เอาร่างกฎหมายใดมาเลย แล้วยกร่างทั้งฉบับก็ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนเห็นว่าควรจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ และไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิด เนื่องจากคนมักจะหยิบโยงไปเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองว่า จะไปช่วยคนนั้นคนนี้เป็นพิเศษ หรือยกเว้นความผิด .314.-สำนักข่าวไทย