ชายตกท่อบนเกาะกลางถนนเสียชีวิต

กรุงเทพฯ 3 พ.ค.-เกิดเหตุสลด! ชายตกลงไปในท่อบนเกาะกลางถนน ปากซอยลาดพร้าว 49 เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค้นหา ก่อนพบเสียชีวิตอยู่ภายในท่อลึก 15 เมตร


เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ ได้รับแจ้งเหตุมีชาย ไม่ทราบชื่อ พลัดตกลงไปในท่อระบายน้ำของกรุงเทพมมหามหานคร ที่อยู่บริเวณเกาะกลางถนนป้ายรถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง ช่วงบริเวณซอยลาดพร้าว 49 เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ้ง เร่งทำการค้นหา โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จนพบร่างผู้เสียชีวิต นอนอยู่ภายในท่อระบายน้ำลึกประมาณ 15 เมตร หรือความสูงเทียบเท่าตึก 2-3 ชั้น การกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงไปนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา

นายโอ๊ะชัย แสงพล พนักงานเทศกิจสำนักงานเขตวังทองหลาง และนางสาวยุวดี บุญพิทักษ์ พนักงานรักษาความสะอาด เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังปฏิบัติงานเทศกิจดูแลความเรียบร้อยบริเวณตลาดสะพาน 2 ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 49 ก็เห็นชายคนหนึ่งความสูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างท้วม กำลังข้ามถนนจากฝั่งตรงข้ามตลาด จะข้ามมายังฝั่งตลาด แต่เมื่อถึงบริเวณเกาะกลางถนน ชายคนดังกล่าวตกลงไปต่อหน้าต่อตา ตัวเองกับทีมเทศกิจอีก 2 คน จึงวิ่งไปดู พบว่าชายคนดังกล่าวตกบ่อร้อยสายไฟ ความลึกกว่า 10 เมตร เมื่อมองลงไป ก็เห็นชายคนดังกล่าวผงกหัวขึ้นมา ก่อนจะจมหายลงไปในน้ำอีกครั้ง เพื่อนเทศกิจของตนจะลงไปช่วย แต่ตนเองห้ามไว้ เพราะขั้นบันไดที่จะลงไปในท่อมีเพียง 3 ขั้น และบ่อลึกมาก ประกอบกับไม่มีอุปกรณ์เลย เกรงจะได้รับอันตราย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ


นายอมรรัตน์ จันจรัส เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เล่าว่า จุดเกิดเหตุมีลักษณะเป็นท่อที่มีเพียงฝาไม้อัดทรงกลมปิดไว้ และมีดินปลูกต้นไม้เกาะกลางถนนไหลลงมากลบปิดไว้ ทำให้คนที่ตกอาจมองไม่เห็นท่อ เมื่อเหยียบไม้อัดดังกล่าวก็หัก และตกลงไปด้านล่าง ซึ่งเมื่อวัดความลึกของท่อ มีความลึกไม่ต่ำกว่า 15 เมตร และเจ้าหน้าที่มองไม่เห็นผู้ที่ตกลงไปแล้ว ต้องส่งทีมกู้ภัยของมูลนิธิโรยตัวลงไปตามหา

ส่วนไม้อัดทรงกลมปิดฝาท่อนั้น นอกจากท่อที่เกิดเหตุ ใกล้กันยังมีท่ออีกจุด เจ้าหน้าที่ได้พลิกฝาไม้อัดขึ้น เพื่อเปิดช่องทางลงไปช่วยเหลือ ส่วนไม้อัดดังกล่าว ผู้สื่อข่าวลองวัดความหนาดู พบว่ามีความหนาประมาณ 1.3 เซนติเมตรเท่านั้น

เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่าท่อดังกล่าวมีความลึกกว่า 10 เมตร โดยระดับน้ำภายในท่อมีความลึก 2 เมตร โดยภายในท่อระบายน้ำไม่มีจุดพักทำให้ผู้ที่ผลัดตกลงไปตกน้ำโดยทันที จากการสำรวจยังพบอีกว่าภายในท่อระบายน้ำจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิต มีอากาศเข้าออกซิเจนอยู่ที่ร้อยละ 20 ซึ่งถือว่าเบาบาง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจและอุปกรณ์โรยตัว เขาช่วยเหลือ โดยทำการเปิดฝาท่อที่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปประมาณ 2 เมตร นำพัดลมเป่าลมเข้าเพื่อให้มีอากาศภายในท่อ จากนั้นนำเครื่องติดตั้งสลิงแบบเคลื่อนที่ กางขาติดตั้งไว้บริเวณเหนือบ่อ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมถังออกซิเจนลงไปตรวจหาผู้ที่ผลัดตกบริเวณด้านล่างของท่อดังกล่าว หลังใช้เวลาลงไปตรวจสอบ 10 นาที เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้ประสบเหตุได้เสียชีวิตในลักษณะนอนหงายอยู่ภายใต้ก้นบ่อ จากนั้นได้ใช้เบาะผูกศพ ก่อนใช้สลิงดึงร่างผู้เสียชีวิต นำขึ้นมาตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุประมาณ 55-60 ปี รูปร่างอ้วน สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ค้นในตัวไม่พบเอกสาร มีเพียงกุญแจบ้าน 1 พวง จากนั้นจึงนำศพส่ง สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ


ส่วนสาเหตุที่คาดว่าน่าจะทำให้ผู้ผลัดตกลงไปหมดสติ อาจจะเกิดจากการกระแทกขอบปูน หรือเกี่ยวกับสายเคเบิล ทำให้มีอาการจุกและจมน้ำเสียชีวิต แต่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาถึงเหตุคนแรก บอกว่าตอนมาถึงที่เกิดเหตุผู้ที่พลัดตกลงไปยังมีเสียงร้องขอความช่วยเหลืออยู่ ก่อนจะสิ้นสุดเสียงดังกล่าวไปและพบว่าหมดสติ ส่วนสาเหตุการตายที่แท้จริงต้องรอแพทย์ชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง

ด้าน ผกก.สน.โชคชัย 4 เปิดเผยว่า จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ เนื่องจากยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด เบื้องต้นได้นำฝาท่อในจุดที่เกิดเหตุซึ่งเบื้องต้นเป็นป่าไม้อัด นำส่งพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พร้อมกับสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าข่ายกระทำการโดยประมาทหรือไม่ โดยเบื้องต้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนขึ้นอีก

ทั้งนี้ ทาง รฟม.ได้ระบุว่าบริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แต่เป็นการดำเนินงานของหน่วยงานสาธารณูปโภคหน่วยงานอื่น. -420 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง