สหประชาชาติ 18 พ.ค. – ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN) เผยว่า กองทัพเมียนมาได้นำเข้าอาวุธมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34,297 ล้านบาท) นับตั้งแต่รัฐประหารในปี 2564 และนำอาวุธเหล่านี้มาสร้างความโหดร้ายและใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน
รายงานของนายทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษของยูเอ็นเรื่องสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ระบุว่า กองทัพเมียนมาได้สังหารพลเรือนอย่างน้อย 3,500 คน และคุมขังนักโทษการเมืองเพิ่มเป็น 20,000 คน โดยได้นำเข้าอาวุธ เทคโนโลยีที่ใช้ทั้งทางพลเรือนและทางทหาร และวัสดุที่ใช้ผลิตอาวุธมูลค่ารวมอย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34,297 ล้านบาท) นับตั้งแต่วันแรกที่รัฐประหารยึดอำนาจพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงเดือนธันวาคม 2565 อาวุธและวัสดุเหล่านี้ยังคงหลั่งไหลเข้าเมียนมา ทั้งที่มีหลักฐานมากมายว่าถูกนำไปใช้ก่ออาชญากรรมโหดร้าย
รายงานแจกแจงว่า รัฐบาลทหารเมียนมานำเข้าอาวุธและยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย 406 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13,925 ล้านบาท) จีน 267 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,157 ล้านบาท) อินเดีย 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,749 ล้านบาท) สิงคโปร์ 254 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,711 ล้านบาท) และไทย 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 960 ล้านบาท)
รายงานได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เมียนมานำอาวุธนำเข้ามาใช้ก่ออาชญากรรมสงครามว่า เครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งได้ทิ้งระเบิด 2 ลูก ใส่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภูมิภาคสะกาย ทางตอนกลางของเมียนมา เมื่อกลางเดือนเมษายน ในช่วงที่กำลังมีพิธีเปิดสำนักงานของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาที่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติในพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี (NLD) ของนางออง ซาน ซู จี หลังจากนั้นไม่นานมีเฮลิคอปเตอร์โจมตี 2 ลำ บินมาระดมยิงใส่ผู้ที่รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดและกลุ่มที่มาตอบโต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 170 คน.-สำนักข่าวไทย