ยูเอ็นเผยเมียนมาใช้อาวุธนำเข้าสร้างความโหดร้าย

ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (UN) เผยว่า กองทัพเมียนมาได้นำเข้าอาวุธมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34,297 ล้านบาท) นับตั้งแต่รัฐประหารในปี 2564 และนำอาวุธเหล่านี้มาสร้างความโหดร้ายและใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน

ไต้หวันยืนยันจะไม่ล็อกดาวน์ “โหดร้าย” แบบจีน

ไทเป 1 พ.ค.- นายกรัฐมนตรีซู เจินชางของไต้หวันกล่าวถึงมาตรการล็อกดาวน์ของจีนเพื่อควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่าโหดร้าย และไต้หวันจะไม่ทำตาม นายกรัฐมนตรีซูระหว่างตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมโรคของไต้หวันในวันนี้ว่า มาตรการควบคุมการระบาดของไต้หวันได้รับการยกย่องจากประชาคมโลก ไต้หวันจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศและเมืองอย่างโหดร้ายเหมือนจีน แต่ใช้มาตรการที่ค่อยเป็นค่อยไป เป็นการทำตามแผนอย่างมีจังหวะ นายกรัฐมนตรีไต้หวันกล่าวเรื่องนี้ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนกล่าวถึงมาตรการใหม่ของไต้หวันในการรับมือกับโรคโควิด-19 ว่า จะทำให้มีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ไต้หวันซึ่งมีประชากรประมาณ 23 ล้านคน มียอดติดเชื้อสะสมมากกว่า 115,800 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 865 คน ไต้หวันใช้มาตรการควบคุมพรมแดนและกักโรคอย่างเข้มงวด แต่พบการระบาดในชุมชนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ ผู้ติดเชื้อราว 75,000 รายเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ดี ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ และมีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่มาก ประกอบกับมีอัตราการฉีดวัคซีนสูง รัฐบาลจึงได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดเพื่อเตรียมเปิดประเทศอีกครั้ง แต่ยังคงกำหนดให้ผู้เดินทางเข้ามาต้องกักโรคเป็นเวลา 10 วัน ขณะที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์และควบคุมอย่างเข้มงวด จีนซึ่งมีประชากรประมาณ 1,400 ล้านคนแจ้งว่า มียอดติดเชื้อสะสมมากกว่า 216,500 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 5,060 คน.-สำนักข่าวไทย

หน่วยงานยูเอ็นร่วมประณามเหตุยิงสถานพยาบาลในยูเครน

เจนีวา 14 มี.ค.- หน่วยงานของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ร่วมกันเรียกร้องให้หยุดยิงโดยทันทีและยุติการโจมตีบุคลากรและสถานพยาบาลในยูเครน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนเป็น “ความโหดร้ายที่ไร้จิตสำนึก” ระบบเฝ้าระวังการโจมตีการดูแลสุขภาพหรือเอสเอสเอ (SSA) ขององค์การอนามัยโลกเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมที่ลงนามโดยผู้อำนวยการองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ กองทุนประชากรยูเอ็น และองค์การอนามัยโลกว่า นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์มีการโจมตีการดูแลสุขภาพแล้วทั้งหมด 31 ครั้ง การโจมตีกลุ่มผู้เปราะบางที่สุดที่ประกอบด้วยทารก เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายอย่างไร้จิตสำนึก การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 คน บาดเจ็บ 34 คน แถลงการณ์เรียกร้องให้หยุดยิงโดยทันที เพราะบุคลากรทางการแพทย์จะต้องสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย ทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และโปลิโอ การให้ยาช่วยชีวิตแก่พลเรือนทั่วยูเครนและผู้ลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แถลงการณ์ระบุว่า ตั้งแต่รัสเซียรุกรานยุเครน มีการคลอดไม่ต่ำกว่า 4,300 ครั้ง คาดว่าสตรียูเครนประมาณ 80,000 คนจะคลอดในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ขณะนี้ออกซิเจนและยา รวมถึงการจัดการกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์กำลังเหลือน้อยถึงระดับที่เป็นอันตราย ระบบสาธารณสุขในยูเครนกำลังตึงตัวอย่างยิ่ง หากระบบล้มเหลวจะกลายเป็นหายนะ จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและการเปิดทางให้ผู้เดือดร้อนได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทางออกสันติเพื่อยุติสงครามในยูเครนยังคงเป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้.-สำนักข่าวไทย

...