กรุงเทพฯ 17 ต.ค.- อธิบดีกรมชลประทาน เผยสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำป่าสักดีขึ้น ทำให้สามารถลดปริมาณการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาน้อยลง ทำให้ทยอยปรับลดการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาได้
นายประพิศ จันทร์มา กล่าวว่า ได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันนี้ (17 ต.ค.) จะปรับลดแบบขั้นบันไดจาก 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น 440 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในวันพรุ่งนี้ (18 ต.ค.) ซึ่งจะทำให้ปริมาณการระบายต่อวันลดลงจาก 43.20 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 38.02 ล้านลูกบาศก์เมตร จากนั้นปรับลดการระบายผ่านเขื่อนพระรามหกตามลำดับ โดยวันนี้ระบายที่ 867 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากวานนี้ที่ 915 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ปัจจุบันมีน้ำในอ่าง 104% ของความจุ ลดลงจากวานนี้ 105% ส่วนปริมาณน้ำไหลเข้า 38 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงจากเมื่อวานนี้ที่ 42 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จึงจะพิจารณาปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนพระรามหกให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายให้มากที่สุด
สถานการณ์ที่ดีขึ้นของลุ่มน้ำป่าสัก ทำให้สามารถเพิ่มการแบ่งน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย โดยรับน้ำผ่านประตูระบายน้ำมโนรมย์เข้าสู่คลองชัยนาท-ป่าสักเพื่อบรรเทาสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา
สำหรับปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาลดลงทั้งแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านเนื่องจากฝนลดลง ประกอบกับระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ในอัตราน้อย จากนั้นเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่งเหนือเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้น ส่งผลให้น้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 3,038 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 3,058 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นายประพิศกล่าวว่า เตรียมพิจารณาปรับลดการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้ต่ำกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วคาดว่า จะปรับลดลงต่ำกว่า 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ ประมาณวันที่ 26-27 ต.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่ทำให้ระดับน้ำด้านเขื่อนลดลงต่ำกว่าตลิ่ง น้ำอยู่ในลำน้ำ กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากนั้นจะเร่งสูบระบายน้ำที่ท่วมขังในที่ลุ่มต่ำออกและบูรณาการเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยทันทีที่น้ำลด.-สำนักข่าวไทย