กรุงเทพฯ 3 ต.ค. – พ่อค้าไก่ย่าง ร้อง ตร.ปปป. ตรวจสอบ-เอาผิด ตร.ชุดจับกุม สน.บางเสาธง หลังศาลยกฟ้องคดีวิ่งราวเพชร ทำติดคุกฟรี 7 เดือน 10 วัน
เวลา 10.00 น. ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ พ่อค้าไก่ย่าง จ.นครพนม อดีตผู้ต้องหาในคดีวิ่งราวเพชรมูลค่า 15 ล้านบาท พร้อมภรรยาเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ตรวจสอบ และสืบสวนข้อเท็จจริง ว่าการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจ สน.บางเสาธง ชุดจับกุม และเจ้าของสำนวนคดีรวมประมาณ 5 นาย เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และหากพบว่าบกพร่อง ขอให้ดำเนินคดีฐานละเว้นการ ปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า เมื่อเดือน ธ.ค.59 ถูกตำรวจชุดจับกุม สน.บางเสาธงบุก ไปจับกุมที่ จ.นครพนม โดยได้แสดงหมายจับฉ้อโกงของ สภ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ก่อนถูกจับตัวไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง มีการบังคับถามหาเพชรของกลางในคดีมูลค่า 15 ล้านบาท ที่ถูกวิ่งราวไปเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ท้องที่ สน.บางเสาธง ยืนยันไปว่าในช่วงเกิดเหตุอยู่ที่ จ.นครพนม ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ มีหลักฐานการรักษาพยาบาล ที่แพทย์มาฉีดยาให้ในวันดังกล่าว แต่ตำรวจไม่เชื่อ ยังจับกุมตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.สูงเนิน และอายัดตัวมาดำเนินคดีที่ สน.บางเสาธง ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับ 2 คดี โดยเฉพาะคดีเพชร ตำรวจมีพยานหลักฐาน คือการที่เจ้าของร้านเพชรมาชี้ตัวว่าตนคือผู้ก่อเหตุ ส่วนซิมโทรศัพท์ของตนที่ไปเชื่อมโยงกับขบวนการ ต่อมาพบเป็นสำเนาบัตรประชาชนเก่าชื่อเดิมหมดอายุที่ขบวนการฉกเพชรทำขึ้น และเจ้าหน้าที่ไม่มีการตรวจกล้องวงจรปิด ไม่เก็บลายนิ้วมือแฝง จึงมองว่าชุดจับกุม ทำงานไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม
ต่อมาศาลชั้นต้นยกฟ้องตนและศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น แต่ตนต้องติดคุกทั้งที่ไม่ได้ทำผิดเป็นเวลา 7 เดือน 10 วัน ต่อมาจึงยื่นฟ้องเจ้าของร้านเพชร ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 3 ปี ในฐานเบิกความเท็จ จึงขอให้ ตร.ปปป.ตรวจสอบ และดำเนินคดีกับ ตร.ชุดจับกุม เพราะหากการจับกุมถูกต้องตามกฎหมาย ตนก็จะไม่ถูกจับเป็นแพะ ซึ่งชุดจับกุมต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยและขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง. -สำนักข่าวไทย