แจงเหตุผลตรา พ.ร.ฎ. อนุญาตทำกินในป่าอนุรักษ์ ภายใน 27 พ.ย. 67

กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยเหตุผลที่ต้องมีการเสนอตรา พ.ร.ฎ. 2 ฉบับเกี่ยวกับการอนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ซึ่งต้องตราให้แล้วเสร็จใน 27 พ.ย. นี้ เนื่องจากต้องออกกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้ หลังจาก พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีผลใช้บังคับเมื่อปี 62 ชี้เป็นการรับรองสิทธิให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เป็นการลิดรอนสิทธิตามที่กลุ่ม “พีมูฟ” เข้าใจ


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวถึงขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการออกพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ศ. …. และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พ.ศ. ….โดยร่างพระราชกฤษฎากทั้ง 2 ฉบับจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้พีมูฟขอให้รัฐบาลชี้แจง ผู้แทนรัฐบาลนำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี หน่วยงานที่เข้าชี้แจงคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช


นายอรรถพลกล่าวว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ซึ่งจะทำให้มีการรับรองสิทธิอย่างถูกต้อง เดิมพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ไม่มีบทบัญญัติใดที่อนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาเป็นเพียงการผ่อนผันทางนโยบายให้ประชาชนอยู่อาศัยทำหรือทำกินภายใต้มติคณะรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรีหลักที่ใช้คือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ที่แก้ไขปัญหาประชาชนที่อาศัยหรือทำกินมาก่อนปี 2545 ต่อมารัฐบาลมีคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 วางมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 แต่ต้องอยู่อาศัยก่อนปี พ.ศ. 2557 และคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เสนอคณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามมติ คทช.ดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ ในกลุ่มที่ 4 ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ ทั้งก่อนและหลัง มติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 กำหนดให้นำผลการสำรวจตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 และผู้ที่อยู่ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 แต่ก่อนปี 2557 ตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 มาตรวจสอบร่วมกับประชาชน และกำหนดเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ทำกินอันสอดคล้องกับการปรับปรุงกฎหมาย เป็นพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เพื่อให้นำพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาลมารับรองให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และกำหนดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาพร้อมทั้งให้มีแผนที่กำหนดแนวเขตที่ชัดเจนแนบท้าย โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดแล้วเสร็จได้จำนวนทั้งสิ้น 224 ป่าอนุรักษ์ จำนวน 4,042 หมู่บ้าน ประชาชน จำนวน 314,784 ราย/ครอบครัว 466,307 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 4.257 ล้านไร่

สำหรับความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาให้แล้วเสร็จภายใน 27 พฤศจิกายน 2567 เป็นตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ที่กำหนดไว้ดังนี้

  1. พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ ได้บัญญัติให้กฎหมายระดับพระราชบัญญัติ ต้องมีการออกกฎเพื่อให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือได้สิทธิจากกฎหมายได้ หากไม่มีการออกกฎภายในระยะเวลา 2 ปี และบทบัญญัติก่อภาระหรือเป็นผลร้ายต่อประชาชน ให้บทบัญญัติดังกล่าวสิ้นผล แต่ในกรณีที่บทบัญญัตินั้นให้สิทธิประโยชน์แก่ประชาชนให้บทบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับได้โดยไม่ต้องมีกฎ โดยระยะเวลา 2 ปี ดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจะมีมติขยายออกไปอีกก็ได้แต่ไม่เกิน 1 ปี รวมเป็น 3 ปี ทั้งนี้สำหรับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ฯ มีผลใช้บังคับให้นับระยะเวลา เมื่อพ้นกำหนดเพิ่มได้อีก 2 ปี รวมเป็น 5 ปี
  2. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2562 เป็นวันก่อนพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ มีผลใช้บังคับ ดังนั้นจึงมีระยะเวลาออกกฎให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี ซึ่งทั้ง 2 พระราชบัญญัติดังกล่าวมีระยะเวลาครบกำหนด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ขยายระยะเวลาอีก 1 ปี เป็น วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ดังนั้น จึงต้องดำเนินการออกกฎให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ตามที่กฎหมายกำหนด
  3. กรณีการแก้ไขปัญหาประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์กำหนดไว้ในมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งได้บัญญัติให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ พร้อมแผนที่กำหนดขอบเขตแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาอันเป็นกฎที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ฯ กำหนด โดยพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาฯ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งต้องให้แล้วเสร็จ และมีผลใช้บังคับภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567

นายอรรถพลกล่าวย้ำถึงประเด็นโต้แย้งของพีมูฟที่ว่า เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยระบุว่า พระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนในการอยู่อาศัยหรือทำกิน ในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับบุคคลใดที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ย่อมมีสิทธิในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองตามกระบวนการพิสูจน์สิทธิ จึงมิใช่การลิดรอนสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการรับรองสิทธิให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกิน ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ตามที่กฎหมายกำหนด


สำหรับประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับจากการแก้ไขปัญหาตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ประกอบด้วย

  • ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินเพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และสามารถกระทำการใดๆ ในเขตพื้นที่โครงการตามพระราชกฤษฎีกาฯ โดยไม่ต้องรับโทษ
  • หน่วยงานของรัฐ/ส่วนราชการ สามารถเข้าไปพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินภายใต้ โครงการ เช่น การตัดไม้ยางพาราของบุคคลที่ได้รับสิทธิอยู่อาศัยหรือทำกินภายในพื้นที่โครงการ รวมการตัดไม้ที่ปลูกโดยเฉพาะไม้ผลของเกษตรกรที่ปลูกขึ้นเอง

ในส่วนการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์นั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ตรวจสอบป่าอนุรักษ์ที่ได้เสนอแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฯ 2 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 14 ป่าอนุรักษ์ พบว่า มีป่าอนุรักษ์ 6 แห่งที่อยู่ในท้องที่จังหวัด ที่ผ่านการพิจารณาแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) แล้ว และไม่มีผลกระทบกับแปลงที่ดินของราษฎรที่ได้ดำเนินการสำรวจที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินไว้ก่อนแล้ว ได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จังหวัดจันทบุรี อุทยานแห่งชาติตาดหมอก จังหวัดเพชรบูรณ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง จังหวัดเพชรบูรณ์ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ส่วนป่าอนุรักษ์ที่เหลืออีก 8 แห่งอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ยังพิจารณาแนวเขตไม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้หากคณะรัฐมนตรีมีความห่วงใยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะขอถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ดังกล่าวค่อยเสนอเพิ่มเติมภายหลัง เพื่อไม่ให้พระราชกฤษฎีกาฯ ตกไป โดยเป็นพระราชกฤษฎาฯ แก้ไขเพิ่มเติม แต่ต้องให้พระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับแรกผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ทันภายในกำหนดเวลาที่ได้กล่าวไปแล้ว

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเห็นว่า การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) จะแล้วเสร็จต้องใช้เวลาหลายปี หากรอจนแล้วเสร็จ ในระหว่างนั้นจะไม่มีกฎหมายใดมารองรับการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชน
จะส่งกระทบให้ราษฎรเสียสิทธิในการประกอบอาชีพในแปลงที่ดินที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน ในการพัฒนาอาชีพต่างๆ ที่เป็นลักษณะปัจเจกบุคคล ซึ่งกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับ หากภายหลังมีกฎหมายที่ให้ประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะได้มีสิทธินั้นตามกฎหมายนั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า มีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่อาศัยหรือทำกินบริเวณขอบแนวเขตป่าอนุรักษ์ ซึ่งการปรับปรุงแนวเขตฯไม่มีผลใดๆ กับประชาชนกลุ่มนี้ก็จะเสียสิทธิในการประกอบอาชีพนั้นไปด้วย

ส่วนการเสนอพระราชกฤษฎาฯ แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ ก็จะตรวจสอบพื้นที่ให้เป็นไปโครงการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) ก่อนจะนำเสนอในครั้งต่อๆ ไป เพื่อประโยชน์และเป็นธรรมแก่ประชาชน . 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

เพื่อไทยขอบคุณทุกคะแนนเสียง หลัง “สง่า” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – พรรคเพื่อไทย ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน หลังผลเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ “สง่า” ชนะขาด “สุทัศน์” จากพรรคประชาชน เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความภายหลังผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ชนะขาดนายสุทัศน์ ยาละ ผู้สมัครของพรรคประชาชน หมายเลข 2 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย จากพรรคเพื่อไทย ทีมงานทุกคน พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อชีวิตที่ดี เพื่อไทยทุกคน.-316-สำนักข่าวไทย

“เพื่อไทย” คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 7 เชียงราย

เชียงราย 14 ก.ย. – ผลคะแนนเลือกตั้ง สส. เขต 7 เชียงราย อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.39 น. “สง่า พรมเมือง” พรรคเพื่อไทย คะแนนนำโด่งทิ้งคู่แข่ง “สุทัศน์ ยาละ” พรรคประชาชน กว่า 2 หมื่นคะแนน ขณะที่เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ขอบคุณประชาชนเทคะแนนให้ “สง่า” คว้าชัย วันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 19.39 น. ที่ศูนย์รวมคะแนนประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ภายหลังปิดหีบลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนน โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย รายงานเมื่อเวลา เวลา 19.39 น. พบว่า นายสง่า พรมเมือง […]