แจงเหตุผลตรา พ.ร.ฎ. อนุญาตทำกินในป่าอนุรักษ์ ภายใน 27 พ.ย. 67

กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยเหตุผลที่ต้องมีการเสนอตรา พ.ร.ฎ. 2 ฉบับเกี่ยวกับการอนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ซึ่งต้องตราให้แล้วเสร็จใน 27 พ.ย. นี้ เนื่องจากต้องออกกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้ หลังจาก พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีผลใช้บังคับเมื่อปี 62 ชี้เป็นการรับรองสิทธิให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เป็นการลิดรอนสิทธิตามที่กลุ่ม “พีมูฟ” เข้าใจ


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวถึงขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการออกพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ศ. …. และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พ.ศ. ….โดยร่างพระราชกฤษฎากทั้ง 2 ฉบับจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้พีมูฟขอให้รัฐบาลชี้แจง ผู้แทนรัฐบาลนำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี หน่วยงานที่เข้าชี้แจงคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช


นายอรรถพลกล่าวว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ซึ่งจะทำให้มีการรับรองสิทธิอย่างถูกต้อง เดิมพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ไม่มีบทบัญญัติใดที่อนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาเป็นเพียงการผ่อนผันทางนโยบายให้ประชาชนอยู่อาศัยทำหรือทำกินภายใต้มติคณะรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรีหลักที่ใช้คือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ที่แก้ไขปัญหาประชาชนที่อาศัยหรือทำกินมาก่อนปี 2545 ต่อมารัฐบาลมีคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 วางมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 แต่ต้องอยู่อาศัยก่อนปี พ.ศ. 2557 และคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เสนอคณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามมติ คทช.ดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ ในกลุ่มที่ 4 ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ ทั้งก่อนและหลัง มติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 กำหนดให้นำผลการสำรวจตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 และผู้ที่อยู่ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 แต่ก่อนปี 2557 ตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 มาตรวจสอบร่วมกับประชาชน และกำหนดเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ทำกินอันสอดคล้องกับการปรับปรุงกฎหมาย เป็นพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เพื่อให้นำพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาลมารับรองให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และกำหนดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาพร้อมทั้งให้มีแผนที่กำหนดแนวเขตที่ชัดเจนแนบท้าย โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดแล้วเสร็จได้จำนวนทั้งสิ้น 224 ป่าอนุรักษ์ จำนวน 4,042 หมู่บ้าน ประชาชน จำนวน 314,784 ราย/ครอบครัว 466,307 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 4.257 ล้านไร่

สำหรับความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาให้แล้วเสร็จภายใน 27 พฤศจิกายน 2567 เป็นตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ที่กำหนดไว้ดังนี้

  1. พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ ได้บัญญัติให้กฎหมายระดับพระราชบัญญัติ ต้องมีการออกกฎเพื่อให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือได้สิทธิจากกฎหมายได้ หากไม่มีการออกกฎภายในระยะเวลา 2 ปี และบทบัญญัติก่อภาระหรือเป็นผลร้ายต่อประชาชน ให้บทบัญญัติดังกล่าวสิ้นผล แต่ในกรณีที่บทบัญญัตินั้นให้สิทธิประโยชน์แก่ประชาชนให้บทบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับได้โดยไม่ต้องมีกฎ โดยระยะเวลา 2 ปี ดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจะมีมติขยายออกไปอีกก็ได้แต่ไม่เกิน 1 ปี รวมเป็น 3 ปี ทั้งนี้สำหรับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ฯ มีผลใช้บังคับให้นับระยะเวลา เมื่อพ้นกำหนดเพิ่มได้อีก 2 ปี รวมเป็น 5 ปี
  2. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2562 เป็นวันก่อนพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ มีผลใช้บังคับ ดังนั้นจึงมีระยะเวลาออกกฎให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี ซึ่งทั้ง 2 พระราชบัญญัติดังกล่าวมีระยะเวลาครบกำหนด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ขยายระยะเวลาอีก 1 ปี เป็น วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ดังนั้น จึงต้องดำเนินการออกกฎให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ตามที่กฎหมายกำหนด
  3. กรณีการแก้ไขปัญหาประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์กำหนดไว้ในมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งได้บัญญัติให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ พร้อมแผนที่กำหนดขอบเขตแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาอันเป็นกฎที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ฯ กำหนด โดยพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาฯ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งต้องให้แล้วเสร็จ และมีผลใช้บังคับภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567

นายอรรถพลกล่าวย้ำถึงประเด็นโต้แย้งของพีมูฟที่ว่า เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยระบุว่า พระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนในการอยู่อาศัยหรือทำกิน ในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับบุคคลใดที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ย่อมมีสิทธิในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองตามกระบวนการพิสูจน์สิทธิ จึงมิใช่การลิดรอนสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการรับรองสิทธิให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกิน ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ตามที่กฎหมายกำหนด


สำหรับประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับจากการแก้ไขปัญหาตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ประกอบด้วย

  • ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินเพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และสามารถกระทำการใดๆ ในเขตพื้นที่โครงการตามพระราชกฤษฎีกาฯ โดยไม่ต้องรับโทษ
  • หน่วยงานของรัฐ/ส่วนราชการ สามารถเข้าไปพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินภายใต้ โครงการ เช่น การตัดไม้ยางพาราของบุคคลที่ได้รับสิทธิอยู่อาศัยหรือทำกินภายในพื้นที่โครงการ รวมการตัดไม้ที่ปลูกโดยเฉพาะไม้ผลของเกษตรกรที่ปลูกขึ้นเอง

ในส่วนการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์นั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ตรวจสอบป่าอนุรักษ์ที่ได้เสนอแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฯ 2 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 14 ป่าอนุรักษ์ พบว่า มีป่าอนุรักษ์ 6 แห่งที่อยู่ในท้องที่จังหวัด ที่ผ่านการพิจารณาแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) แล้ว และไม่มีผลกระทบกับแปลงที่ดินของราษฎรที่ได้ดำเนินการสำรวจที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินไว้ก่อนแล้ว ได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จังหวัดจันทบุรี อุทยานแห่งชาติตาดหมอก จังหวัดเพชรบูรณ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง จังหวัดเพชรบูรณ์ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ส่วนป่าอนุรักษ์ที่เหลืออีก 8 แห่งอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ยังพิจารณาแนวเขตไม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้หากคณะรัฐมนตรีมีความห่วงใยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะขอถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ดังกล่าวค่อยเสนอเพิ่มเติมภายหลัง เพื่อไม่ให้พระราชกฤษฎีกาฯ ตกไป โดยเป็นพระราชกฤษฎาฯ แก้ไขเพิ่มเติม แต่ต้องให้พระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับแรกผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ทันภายในกำหนดเวลาที่ได้กล่าวไปแล้ว

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเห็นว่า การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) จะแล้วเสร็จต้องใช้เวลาหลายปี หากรอจนแล้วเสร็จ ในระหว่างนั้นจะไม่มีกฎหมายใดมารองรับการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชน
จะส่งกระทบให้ราษฎรเสียสิทธิในการประกอบอาชีพในแปลงที่ดินที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน ในการพัฒนาอาชีพต่างๆ ที่เป็นลักษณะปัจเจกบุคคล ซึ่งกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับ หากภายหลังมีกฎหมายที่ให้ประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะได้มีสิทธินั้นตามกฎหมายนั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า มีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่อาศัยหรือทำกินบริเวณขอบแนวเขตป่าอนุรักษ์ ซึ่งการปรับปรุงแนวเขตฯไม่มีผลใดๆ กับประชาชนกลุ่มนี้ก็จะเสียสิทธิในการประกอบอาชีพนั้นไปด้วย

ส่วนการเสนอพระราชกฤษฎาฯ แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ ก็จะตรวจสอบพื้นที่ให้เป็นไปโครงการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) ก่อนจะนำเสนอในครั้งต่อๆ ไป เพื่อประโยชน์และเป็นธรรมแก่ประชาชน . 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะเหนือ-อีสานตอนบน

กทม. 12 ก.ค.-กรมอุตุ ประกาศฉบับที่ 4 เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และอีสานตอนบน ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 4 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ในวันที่ 12 กรกฎาคม […]

น้ำท่วมหลายพื้นที่ อ.เวียงสา ลดลงแล้ว

น่าน 11 ก.ค. – น้ำท่วมหลายพื้นที่ อ.เวียงสา ลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำเหนือมาเติม ด้านผู้ว่าฯ น่าน ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด สั่งเร่งช่วยเหลือทันที น้ำท่วมบ้านเรือนหลายร้อยหลังใน อ.เวียงสา จ.น่าน ลดระดับลงแล้ว หลังฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วม เป็นบริเวณกว้าง นายชัยณรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยมีนายอำเภอเวียงสา นายกเทศมนตรีตำบลกลางเวียง หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ด้วย สรุปข้อมูลอุทกภัยในพื้นที่ อ.เวียงสา เกิดฝนตกหนัก ทำให้แม่น้ำสาขาต่างๆ ทะลักและไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และสิ่งสาธารณประโยชน์ของราษฎรในพื้นที่ อ.เวียงสา มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจาก อุทกภัย (น้ำป่าไหลหลาก) จำนวน 10 ตำบล 53 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนประมาณ 1,524 คน 750 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากน้ำหลากไหลบ่าเข้าท่วม 160 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 1,350 ไร่ นา 120 […]

ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยันคนร้ายอุ้มปล้นชาวจีนไม่ใช่ตำรวจ

พัทยา 11 ก.ค. – ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยืนยัน 4 คนร้ายอุ้มชาวจีนขึ้นรถ ก่อนปล้นทรัพย์-บังคับโอนเงิน ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ เชื่อหนึ่งในผู้ก่อเหตุอาจรู้จักกับผู้เสียหาย ขอเวลาตำรวจทำงานก่อน เชื่อว่าจะรู้ตัวคนร้ายทั้งหมดในเร็ววันนี้ กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายสวมชุดดำ 2 คน พยายามฉุดกระชากคนจีนขึ้นรถ เหตุเกิดหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว-อาหารจีน ริมถนนพัทยาเหนือสาย 3 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เช้ามืดวานนี้ (10 ก.ค.) พยานให้ข้อมูลว่า ประมาณตี 5 คนจีน 3 คน มานั่งกินก๋วยเตี๋ยว กินเสร็จกำลังจะแยกย้ายกันกลับ คนแรกขึ้นขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ออกไป ส่วนคนที่ 2 เดินกลับเข้าไปในซอยซึ่งอยู่ข้างๆ ร้าน ส่วนคนสุดท้ายคือผู้เสียหาย กำลังยืนรอรถที่เรียกผ่านแอปฯ มารับ ไม่ถึง 1 นาที มีรถเอสยูวี สีขาว มาจอดประกบข้าง จากนั้นมีผู้ชายแต่งชุดดำ (เสื้อแขนยาวสีดำมีฮู้ด) ลงจากรถ […]

มทภ.2 ตรวจเยี่ยม 3 ปราสาท คนแห่เที่ยวหยุดยาวคึกคัก

11 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยม 3 ปราสาท จ.สุรินทร์ ประชาชนแห่เที่ยวหยุดยาวคึกคัก รถติดยาวกว่า 1 กม. เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ฐานปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าที่ทหารผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัด มามอบสิ่งของให้กำลังใจทหาร และถือโอกาสเข้าเที่ยวชมตัวปราสาทที่อยู่ใกล้กันอย่างคึกคัก ทำให้บรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวัน จนทำให้การจราจรติดขัดเป็นแถวยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทางเจ้าที่ทหารจึงได้จัดกำลังดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนได้ขึ้นมาเที่ยวชมกันทุกคน ด้านพล.ท.บุญสิน เปิดเผยว่า สำหรับวันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจะทำให้กำลังพลได้รับทราบว่าพวกท่านไม่ได้หยุด ตัวแม่ทัพก็ไม่หยุดทำงานเช่นเดียวกัน โดย 2 วันที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่บริเวณชายแดนส่วนหน้า เข้าไปยังฐานปฏิบัติการที่อยู่แนวหน้า พร้อมนำสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มอบให้กับกำลังพลในพื้นที่ทุกนายเพื่อเป็นขวัญกำลังใจทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทย แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคนที่เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารทุกพื้นที่ […]