ระยอง 6 พ.ย. – พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ
ตำรวจ สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเหตุยิงกันเสียชีวิต ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง ในห้องนอนพบผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ชายและผู้หญิง คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน ทั้ง 2 ศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน โดยสภาพศพผู้หญิงนอนหงายอยู่บนเตียงนอน ทราบชื่อคือ นางสาวพัชรินทร์ อายุ 30 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าท้ายทอย 1 นัด ส่วนผู้ชายทราบชื่อคือ นายสิทธิรัตน์ อายุ 32 ปี เป็นศิษย์พระเกจิดังและเป็นไวยาวัจกรของวัดดังในจังหวัด นอนหงายอยู่บนพื้นห้องปลายเตียงนอน บริเวณขมับซ้ายมีรอยถูกกระสุนปืนยิงทะลุศีรษะ 1 นัด
นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนวางอยู่บนเตียง ภายในแมกกาซีนพบกระสุน 7 นัด และมีปลอกกระสุนตกอยู่ 2 ปลอก กระจกข้างฝาห้องนอนมีรอยกระสุน 1 รู หัวกระสุนปืนทะลุตกไปอยู่บริเวณประตูหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนเพื่อนบ้านเล่าว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ยินเสียงปืนดังมาจากบ้านที่เกิดเหตุ 2 นัด แต่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น อีกทั้งไม่คุ้นเคยกัน เพราะเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ ขณะที่ฝ่ายผู้หญิงที่เสียชีวิตเพิ่งเข้ามาอยู่เช่นกัน แต่ก่อนจะเกิดเหตุนั้นสังเกตเห็นมีผู้ชาย 1-2 คน ไปมาและเข้าออกบ้านหลังนี้ตลอด
เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าการเสียชีวิตของทั้ง 2 คน เป็นการยิงกันเอง ก่อนจะยิงตัวตายเพื่อหนีความผิดหรือไม่ หรืออาจมีมือที่สามเข้ามาก่อเหตุ โดยเฉพาะนายสิทธิรัตน์ ทราบว่ามีครอบครัวอยู่แล้ว ก่อนจะมาคบหากับนางสาวพัชรินทร์ ซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาดี อีกทั้งจากคำให้การของเพื่อนบ้านที่บอกว่ามีผู้ชาย 1-2 คน เข้าออกบ้านหลังนี้ประจำ คาดว่าฝ่ายหญิงน่าจะมีผู้ชายหลายคนมาติดพัน นอกเหนือจากนายสิทธิรัตน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสอบสวนผู้ใกล้ชิดผู้เสียชีวิต เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องชู้สาวหรือความหึงหวง
นางสาวตุ๊ก ภรรยาของนายสิทธิรัตน์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจแล้ว บอกว่าสามีหายตัวไป ไม่กลับบ้านมา 4 วัน ก่อนจะมาทราบว่าเสียชีวิต ก่อนหน้านั้นยังมีโทรศัพท์ลึกลับเป็นผู้หญิงโทรเข้ามือถือตนแจ้งว่าสามีอยู่กับเขา และตนไม่ทราบมาก่อนเลยว่าสามีแอบมาอยู่บ้านหลังดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย