กทม.25 ก.พ.-ผู้ว่าฯ อัศวิน โชว์สาธิตบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้นแบบให้สถานพยาบาลกลุ่มเป้าหมายในกทม.นำไปปฏิบัติ ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง เยี่ยมชมการสาธิตการให้วัคซีนและประชาชน ณ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน โดยการสาธิตการให้วัคซีนกรุงเทพมหานครได้เชิญผู้แทนโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ 6 เขตที่ให้บริการวัคซีน โควิด-19 ในระยะแรก รวมทั้งสิ้น 16 โรงพยาบาล ได้แก่ 1. เขตจอมทอง ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางขุนเทียน 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และโรงพยาบาลบางมด 2. เขตบางขุนเทียน ประกอบด้วย โรงพยาบาล พีเอ็มจี โรงพยาบาลนครธน และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน 3. เขตบางแค ประกอบด้วย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลบุญญาเวช
4. เขตบางบอน ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางปะกอก 8 และโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ 5. เขตภาษีเจริญ ประกอบด้วย โรงพยาบาลบางไผ่ โรงพยาบาลมิตรประชา (เพชรเกษม 2) และโรงพยาบาลพญาไท 3 6. เขตหนองแขม ประกอบด้วย โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนลหนองแขม และโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร อุทิศ ร่วมชมการสาธิต เพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานที่และบุคลากรให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่กรุงเทพมหานครจะได้รับจากรัฐบาลในระยะแรก มีจำนวน 66,000 โดสเข็ม ซึ่งจะสามารถให้ประชาชนได้จำนวน 33,000 คน เนื่องจาก ต้องให้วัคซีนคนละ 2 โดสหรือ 2 เข็ม ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ระยะแรก ซึ่งมีวัคซีนจำนวนจำกัด ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 6,200 คน กำหนดให้วัคซีนในสัปดาห์แรก เพื่อเฝ้าสังเกตอาการหากมีอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถให้การดูแลได้อย่างทันท่วงที จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 จะให้วัคซีนแก่ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ด้านการพยาบาลพอสมควร ซึ่งหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง จำนวน 800 คน กลุ่มต่อไป คือ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคเสี่ยง คือ 1. โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด 3.โรคหลอดเลือดสมอง 4.โรคไตเรื้อรัง 5.โรคมะเร็งทุกชนิด ที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด 6. โรคเบาหวาน 7. โรคอ้วน ที่มีอายุ 18-59 ปี จำนวน 23,500 คน และกลุ่มสุดท้าย คือ ประชาชนทั่วไปและแรงงาน (อายุ 18-59 ปี) จำนวน 2,500 คน ทั้งนี้มีโรงพยาบาลที่จะร่วมให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 15 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 3 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 12 แห่ง
ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกคนต้องวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกคน จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนเข้ารับการฉีดวัคซีน COVID-19 ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 เป็นการลงทะเบียน (ทำบัตร) เพื่อยืนยันตัวตน ขั้นตอนที่ 2 ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต ขั้นตอนที่ 3 คัดกรอง ซักประวัติ และลงนามใบยินยอมการรับวัคซีน ขั้นตอนที่ 4 รอฉีดวัคซีน ขั้นตอนที่ 5 เข้ารับการฉีดวัคซีน จากนั้นขั้นตอนที่ 6 จะให้ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนทุกรายนั่งพักรอสังเกตอาการจนครบ 30 นาที โดยได้จัดให้มีพื้นที่ปฐมพยาบาล แพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำหรับการดูแลผู้ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน และมีการแนะนำวิธีการใช้ Line Official Account “หมอพร้อม” เพื่อติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน 30 วัน และรับการแจ้งเตือนเพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบทั้ง 2 เข็ม จะได้รับใบยืนยันการฉีดวัคซีน COVID-19 ทาง Line Official Account “หมอพร้อม” อีกด้วย ขั้นตอนที่ 7 จุดตรวจสอบก่อนกลับบ้าน เจ้าหน้าที่จะสอบถามอาการ ให้คำแนะนำ และออกใบนัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 จากนั้นจะมีการแสดงผล Dash Board จาก Line Official Account “หมอพร้อม” แสดงการประเมินผลความครอบคลุมทุกกระบวนการการบริการ การติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) จนถึงปัจจุบัน การฉีดวัคซีน COVID–19 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังในการควบคุมการแพร่ระบาด ที่สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เพื่อป้องกันการเกิดอาการ ลดความรุนแรงของโรค รวมถึงลดอัตราตายได้ จากการศึกษาพบว่า เมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรง ถือเป็นแนวทางป้องกันที่ดีแนวทางหนึ่ง และขณะนี้ประเทศไทยได้รับการส่งมอบวัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนแล้ว และจะทยอยได้รับการส่งมอบเป็นระยะๆ ต่อไป
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรุงเทพมหานคร ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีพื้นที่เสี่ยงจำนวน 6 เขต การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับวัคซีน จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง การซักซ้อมความเข้าใจ รวมถึงการสาธิตการบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ณ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีน COVID – 19 ระยะที่ 1 ในวันนี้ จึงสามารถใช้เป็นแนวทางใน การจัดบริการฉีดวัคซีนในสถานพยาบาลแห่งอื่น ๆ ได้ต่อไป
นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กล่าวถึงความพร้อมของโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ว่า บุคลากรของกรุงเทพมหานครมีประสบการณ์ในการฉีดวัคซีน แต่สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมคือ ต้องมีการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิฉีดวัคซีน และลงเวลานัดหมาย เลือกโรงพยาบาลที่สะดวก เพื่อประหยัดเวลาในการรอคอย อย่างไรก็ตามหากไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า กรุงเทพมหานครได้เตรียมเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม และทำการนัดหมายให้ ในการฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สองควรไปฉีด ณ โรงพยาบาลเดียวกัน และเมื่อถึงวันนัดหมายฉีดวัคซีน ให้เตรียมร่างกายให้พร้อม รับประทานอาหารและดื่มน้ำตามปกติ มาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมาย หากมีไข้สามารถโทร.มาเลื่อนนัดได้.-สำนักข่าวไทย