นนทบุรี 23 มี.ค. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ยืนยันโครงการธงฟ้าประชารัฐเกิดแน่เดือนเมษายนนี้ พร้อมสั่งผู้ค้าขายยางมะตอยลดราคาขาย หลังมีการรัองเรียนมีราคาแพงเกินเหตุ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เตรียมเปิดโครงการธงฟ้าประชารัฐเดือนเมษายนนี้ โดยผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ 5 ราย เตรียมสินค้าอุปโภคและบริโภคจำเป็นในชีวิตประจำวัน 48 ราย จาก 10 กลุ่มสินค้า กระจายไปจำหน่ายทั่วประเทศ นำร่องร้านโชห่วย ประมาณ 5,000 แห่ง และร้านค้าชุมชน อีก 500 แห่ง และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ร้านค้าชุมชนจะเข้าร่วมโครงการเป็น 2,000-3,000 แห่ง โดยราคาสินค้าจะถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 15 เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานหลักดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันปรับเศรษฐกิจระดับชุมชนหรือ Local Economy เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจชุมชนสามารถปรับตัวเองตามการเปลี่ยนแปลง และเร็ว ๆ นี้จะหารือร่วมกับกรุงเทพมหานครช่วยกันปรับตลาดสดในเขต กทม.ทั้งหมดให้เป็นตลาดสะอาดหน้ามอง เพื่อสร้างแรงดึงดูดการเข้ามาใช้บริการของประชาชน
ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้ายังอยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากมีการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด ยกเว้นยางมะตอยที่มีผู้ร้องเรียนว่าราคาสูงเกินจริง ซึ่งจากการเรียกผู้ประกอบการมาหารือ พบว่ามีการขายสูงกว่าปกติเท่าตัว เนื่องจากโรงงานผู้ผลิต 2 รายใหญ่ ปิดปรับปรุง ทำให้กำลังการผลิตลดลงถึงร้อยละ 50 ขณะที่ความต้องการในตลาดสูงจากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง จึงได้สั่งการให้ผู้ประกอบการลดราคามาอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลภายในสัปดาห์นี้ และหากยังไม่มีการปรับลดราคาจะเรียกมาตักเตือนอีกครั้ง หรืออาจจะใช้มาตรการดึงยางมะตอยมาเป็นสินค้าควบคุม
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าปรับลดขั้นตอนการจดทะเบียนธุรกิจให้สะดวกขึ้น จนเหลือระยะเวลาเพียง 2 วันครึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจของธนาคารโลกที่จะประเมินอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทย แต่การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท การขอเลขที่บัญชีนายจ้าง และการยื่นสำเนาข้อบังคับของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานยังใช้เวลาถึง 21 วัน จึงจำเป็นจะต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของ คสช.แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม เป็นต้น เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันก่อนเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้ธนาคารโลกใช้เป็นข้อมูลสำหรับการประเมินความยากง่ายในการทำธุรกิจในประเทศไทย ทำให้มั่นใจว่าผลการจัดอันดับของไทยจะมีอันดับดีขึ้นแน่นอน.-สำนักข่าวไทย