ลำดับเหตุการณ์ “แม่ปุ๊ก” ต้องสงสัยวางยาลูก

กรุงเทพฯ 23 พ.ค.- สำนักข่าวไทย ตรวจสอบเหตุการณ์คดี “แม่ปุ๊ก” แม่เลี้ยงเดี่ยวอ้างตัวเป็นแม่ของ “น้องอมยิ้ม” และ “น้องอิ่มบุญ” หลังจากที่ถูกจับกุมตัวไปดำเนินคดีใน 5 ข้อหาหนัก


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 “แม่ปุ๊ก” สร้างโปรไฟล์ Facebook อ้างตัวว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมีลูกน่ารัก 2 คน คือ “ด.ญ.อมยิ้ม” และ “ด.ช.อิ่มบุญ” อายุ 3 ขวบ


ปี 2562 “แม่ปุ๊ก” โพสต์ภาพและรับบริจาคช่วย “น้องอมยิ้ม” อ้างว่าป่วยเป็นโรคประหลาด มีเลือดไหลและอ้วกเป็นเลือด ซึ่งมีผู้ป่วยเพียง 1 ในล้าน ชื่อโรคว่า “เรนินโนม่าห์” มีการทำสินค้าต่างๆ ออกมาเพื่อขอรับบริจาค หวังใช้เป็นทุนในการรักษา แต่ปรากฏว่าเดือนสิงหาคม 2562 “น้องอมยิ้ม” อาการทรุดหนัก กระทั่งเสียชีวิตในเดือนธันวาคม


ปี 2563 “แม่ปุ๊ก” อ้างว่าเสียใจที่ “น้องอมยิ้ม” เสียชีวิต จึงต้องไปถือศีลบวชชี แต่ก่อนไปบวชได้โพสต์อ้างว่า “น้องอิ่มบุญ” ป่วยด้วยโรคเดียวกัน และมีการอ้างว่าจะขอขายสินค้าต่างๆ เพื่อนำเงินไปรักษาลูก ทำให้ชาวเน็ตแห่บริจาคเงิน และซื้อสินค้าจำพวกหน้ากากอนามัย และถุงผ้าจาก “แม่ปุ๊ก” จำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามียอดบริจาครวม 20 ล้านบาท แต่ทว่า “แม่ปุ๊ก” ไม่ได้มีการส่งสินค้าให้ผู้ซื้อและผู้บริจาค ทำให้ชาวเน็ตบางส่วนเริ่มตั้งข้อสงสัย

ในปีเดียวกัน ชาวเน็ตเริ่มตั้งข้อสังสัยหนัก จึงเสนอให้นำ “น้องอิ่มบุญ” ไปรักษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ แต่ “แม่ปุ๊ก” ไม่รับข้อเสนอ และมีการเปิด-ปิด Facebook จนคนผิดสังเกต ก่อนผู้โพสต์ตั้งข้อสงสัยว่าเด็กทั้ง 2 คนถูกวางยาหรือไม่? จนต่อมาในวันที่ 24 เมษายน “แม่ปุ๊ก” ไปแจ้งความดำเนินคดี 2 บุคคลที่โพสต์โจมตีว่ามีการวางยาลูก และแพทย์ตรวจร่างกาย “น้องอิ่มบุญ” อย่างละเอียดและปรากฏว่า “พบสารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส คล้ายสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำหรือน้ำยาซักฟอก  เข้าสู่ร่างกายโดยการกลืนเข้าไป ทำให้มีแผลในปาก ลำไส้ และกระเพาะอาหาร”

ท้ายสุดตำรวจตั้งข้อสงสัยเรื่อง “แม่ปุ๊ก” สร้างเรื่องและหลอกเปิดรับบริจาคหรือแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กชัดเจน จนนำไปสู่การตรวจสอบสูติบัตรของ “น้องอมยิ้ม” และปรากฏว่า “แม่ปุ๊ก” ไม่ใช่แม่เด็ก และไม่สามารถตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงได้ ส่วนสูติบัตรของ “น้องอิ่มบุญ” ระบุว่า มารดาคือ “แม่ปุ๊ก” แต่ไม่มีบิดา และไม่ปรากฏประวัติฝากครรภ์ นอกจากนี้ ชื่อบัญชีที่รับโอนเงินยังไม่ใช่ชื่อของตนเอง อีกทั้งพบประวัติเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุล 6 ครั้ง

กระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา กองปราบฯ จับกุมดำเนินคดี “แม่ปุ๊ก” ใน 5 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน โดยสถานะปัจจุบันถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิง เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว 300,000 บาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก