กรุงเทพฯ 15 เม.ย.- คมนาคม – ขนส่งฯ ดันกฎหมายใช้แอปพลิเคชัน เรียกรถสาธารณะเข้าอยู่ในพระราชบัญญัติรถยนต์ฯ คุมมาตรฐานการให้บริการ ทั้งแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ คาดนำมาใช้ได้สิ้นปี 2563
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมผ่านระบบโปรเเกรม ZOOM กับกรมการขนส่งทางบก โดยเฉพาะประเด็นความคืบหน้า การนำระบบเทคโนโลยีแอปพลิเคชั่น มาใช้กับบริการรถสาธารณะ
ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ได้รายงานความคืบหน้าร่างแก้ไข พระราชบัญญัติรถยนต์ ฯ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งบริการรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์ ให้สามารถใช้แอปพลิเคชั่นจัดการ การให้บริการแก่ผู้โดยสาร
โดยมีวันจันทร์ที่ 20 เม.ย.นี้ กรมการขนส่งทางบกจะเสนอร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่มีการแก้ไขหลักเกณฑ์ในการให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อเสนอกฤษฎีกา ก่อนเสนอกลับมากระทรวง คมนาคม เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต่อไปหาก ครม.เห็นชอบ จะเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา คาดว่าจะสามารถนำมาใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ในช่วงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ให้นโยบายแก่กรมการขนส่งทางบก ให้มีการดำเนินการยกระดับการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ประเภทต่างๆ โดยนำตัวอย่างจากต่างประเทศมาใช้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น
โดยมีสาระสำคัญ เรื่องการกำหนดสภาวะโรค, การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย, การอบรมทดสอบความรู้ของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถภาคทฤษฎี จนถึงมาตรการการตัดแต้ม ซึ่งกรมการขนส่งทางบกต้องหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. เพื่อให้กฎหมายขนส่งและจราจรบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะกรณีที่มีโทษปรับตาม พ.ร.บ.จราจรฯ ก็ให้มีการตัดแต้มด้วย หลังจากนั้นหากเพิกเฉยจะพิจารณาเพิกถอนใบขับขี่ใน 1 ปี โดยเมื่อครบ 1 ปีจะต้องมาเริ่มการทดสอบใหม่ตั้งแต่ต้น แต่หากถูกตัดแต้มจนหมดจะถูกเพิกถอนการขับรถตลอดชีวิต
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า การดำเนินการให้บริการรถโดยสารสาธารณะทั้งรถแท็กซี่และจักรยานยนต์รับจ้าง ที่จะให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น เข้าไปเป็นเนื้อหากำหนดอยู่ในพระราชบัญญัติรถยนต์ฯนั้น เป็นไปตามคำแนะนำของสำนักงานกฤษฎีกา
ซึ่งสาระสำคัญที่จะบรรจุเข้าไปในพระราชบัญญัติรถยนต์ เช่น การกำหนดคุณสมบัติของผู้ให้บริการ application และการวางเงินหลักประกัน หากกรณีผู้ให้บริการ ไปทำให้เกิดความเสียหาย ก็จะมีวงเงินหลักประกันคุ้มครองชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนที่ใช้บริการ ซึ่งหลักประกันจะเป็นวงเงินเท่าไหร่นั้นจะไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
ส่วนประเด็นการพัฒนาการออกใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภทนั้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบกระบุว่าได้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อยกมาตรฐานให้การออกใบอนุญาต ให้ทัดเทียมกับประเทศในยุโรป ตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสภาพร่างกาย ซึ่งในอนาคตกรมการขนส่งทางบก จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ในการให้ผู้ที่ต้องการสอบใบอนุญาตไปตรวจร่างกายที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และมีการส่งผลตรวจว่ามีสมรรถภาพร่างกายพร้อม ในการขับขี่แค่ไหน ออนไลน์ข้อมูลมายังกรมการขนส่งทางบก โดยไม่จำเป็นต้องมีการขอใบรับรองแพทย์มาทำการสอบใบอนุญาตเหมือนในอดีต .-สำนักข่าวไทย