สั่งการทุกหน่วยงาน “คมนาคม” รับมือพายุ “วิภา”

กรุงเทพฯ 23 ก.ค. – “สุริยะ” สั่งการทุกหน่วยงาน “คมนาคม” รับมือพายุวิภา จัดเจ้าหน้าที่-อุปกรณ์ ช่วยเหลือประชาชนทันที-มีประสิทธิภาพ กำชับทุกฝ่ายเกาะติดสถานการณ์ 24 ชั่วโมง ดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้ผลกระทบอย่างใกล้ชิด


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนวิภากำลังพาดผ่านประเทศไทย ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ต้องเผชิญกับลมพายุและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และมีความเสี่ยงดินโคลนถล่ม จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินมาตรการความปลอดภัยสูงสุด เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้

กรมทางหลวง (ทล.) จัดเตรียมป้ายเตือนอันตราย ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง – ทางลัด และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะถนนสายหลักและเส้นทางภูเขาที่มีความเสี่ยงดินโคลนถล่ม อาทิ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย แพร่ และลำปาง เฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำและทางหลวงสายสำคัญ พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรเพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้ทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งให้ประสานการทำงานกับหน่วยงานท้องถิ่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนและผู้ใช้ทางอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ทล. ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมและดินสไลด์ในโครงข่ายทางหลวง ข้อมูล ณ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.30 น. พบ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย (10 สายทาง 14 แห่ง) น่าน (5 สายทาง 8 แห่ง) และพะเยา (5 สายทาง 7 แห่ง) รวม 29 แห่ง การจราจรผ่านได้ 22 แห่ง ผ่านไม่ได้ 7 แห่ง ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีฝนตกหนัก ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และสอบถามเส้นทางผ่านสายด่วน ทล. โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง


ส่วนกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่ให้ลงพื้นที่ตรวจสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างใกล้ชิด หากพบถนนที่ได้รับผลกระทบทั้งสัญจรผ่านได้และผ่านไม่ได้ให้เร่งดำเนินการนำเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เข้าติดตั้งเพื่อแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้เส้นทางระมัดระวังในการขับขี่สัญจรทันที พร้อมรายงานสถานการณ์เข้าสู่ระบบบริหารจัดการงานอุทกภัย ทช. หรือ FMS เพื่อให้ผู้บริหารและประชาชนได้รับทราบเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว สามารถแจ้งเหตุสายด่วน ทช. โทร. 1146 ข้อมูล ณ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. มีสายทางที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม 3 จังหวัด สามารถสัญจรผ่านได้ ดังนี้ 1) ชม.3018 แยก ทล.108 – บ้านกิ่วแลป่าเป้า อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ช่วง กม. ที่ 11+730 – 11+740 2) พร.6040 บ้านน้ำพุ – บ้านแม่แรม อำเภอร้องกวาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ช่วง กม. ที่ 5+280 – 6+150 และ 3) อบ.4038 แยก ทล.2173 – บ้านพิบูลมังสาหาร อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ช่วง กม. ที่ 18+000 – 18+200

กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินมาตรการป้องกันน้ำท่วมในระบบขนส่งทางราง โดยเน้นการทำความสะอาดและปรับปรุงระบบระบายน้ำ ขุดลอกทางน้ำธรรมชาติ จัดเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่เสี่ยง และจัดหาเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถ ทั้งนี้ รฟท. ได้เตรียมความพร้อมโดยกำชับทุกฝ่ายให้เข้มงวดมาตรการความปลอดภัยและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งรางรถไฟและตัวรถ อาณัติสัญญาณ เครื่องกั้นอัตโนมัติให้พร้อมใช้งาน และสำรองพนักงานรถจักรสำหรับภารกิจเผชิญเหตุ รวมถึงตรวจเช็กระบบต่าง ๆ ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ติดตามปริมาณน้ำฝน ประเมินสถานการณ์ จัดหาสถานที่พักคอยผู้โดยสาร และขอความร่วมมือผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังบริเวณจุดตัดเสมอระดับและอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟ โดยให้สังเกตป้ายและสัญญาณเตือนระดับน้ำ เพื่อความปลอดภัย

ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้แจ้งให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางออกจากประเทศไทยไปยังในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า และเซินเจิ้น เป็นต้น ตรวจสอบข่าวสารและสถานะของเที่ยวบิน หากได้รับผลกระทบจากเที่ยวบินล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบิน จะได้รับการคุ้มครองสิทธิทั้งในเที่ยวบินแบบประจำในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินหรือการขอรับเงินค่าโดยสารคืนเต็มจำนวน แต่ยกเว้นการรับค่าชดเชยเนื่องจากเกิดจากเหตุการณ์ภายนอกที่ไม่อาจคาดหมายและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.caat.or.th/th/archives/97266 หรือ โทร. 0 2568 8800 สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทยจากสนามบินที่ได้รับผลกระทบให้ตรวจสอบสิทธิและทางเลือกจากเว็บไซต์ของสายการบินที่เดินทาง


ด้านบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ออกมาตรการรองรับสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบการบินเพื่อเพิ่มระดับของความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการจัดการจราจรทางอากาศ ตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) การให้บริการจราจรทางอากาศและการปฏิบัติการบิน 2) การให้บริการเครื่องอำนวยความสะดวกการเดินอากาศ โดยให้เฝ้าระวังและเตรียมการรองรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 3) ลักษณะทางกายภาพของสนามบิน เช่น ทางวิ่ง ทางขับ และอื่น ๆ จนส่งผลต่อการให้บริการจราจรทางอากาศ และ 4) อาคารสถานที่ของ บวท. โดยให้ตรวจสอบสภาพการใช้งาน ความมั่นคงแข็งแรง รวมทั้งให้กำหนดแนวทางการบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ เพื่อให้ทุกเที่ยวบินเกิดความสะดวก และความปลอดภัยทางการบินสูงสุด

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ท่าอากาศยานในสังกัด ทอท. มีการดำเนินการโดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ พร้อมให้บริการในการเปิดศูนย์ประสานงานบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังภายในเขตสนามบินอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน เวลา 09.00 น. เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมถึงได้เปิดพื้นที่สำหรับจอดยานพาหนะ เพื่อช่วยเหลือพนักงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ สามารถรองรับรถยนต์ได้ประมาณ 250 คัน ขณะที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย อนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังบ้านเรือน นำรถยนต์มาจอดบริเวณถนนเส้นทางบ้านพักพนักงานได้ ช่วงวันที่ 23 – 24 กรกฎาคม 2568 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยเที่ยวบินยังเข้า – ออกได้ปกติ

ในส่วนของกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ออกประกาศ จท. ที่ 152/2568 เรื่องให้ระมัดระวังการเดินเรือ เนื่องจากจากอิทธิพลของพายุวิภา และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่ง เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานเกี่ยวเกี่ยวข้อง พร้อมที่จะเข้าดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้สถานการณ์ดังกล่าวเกิดผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน แต่หากมีสถานการณ์ผิดปกติจะเร่งส่งหน่วยงานเข้าลงพื้นที่และเร่งจัดการโดยทันที พร้อมกันนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทางติดต่อได้ที่ สายด่วน กระทรวงคมนาคม 1356 ทล. 1586 ทช. 1146 การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690 AOT Contact Center 1722 และกรมเจ้าท่า 1199. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]