สั่งการทุกหน่วยงาน “คมนาคม” รับมือพายุ “วิภา”

กรุงเทพฯ 23 ก.ค. – “สุริยะ” สั่งการทุกหน่วยงาน “คมนาคม” รับมือพายุวิภา จัดเจ้าหน้าที่-อุปกรณ์ ช่วยเหลือประชาชนทันที-มีประสิทธิภาพ กำชับทุกฝ่ายเกาะติดสถานการณ์ 24 ชั่วโมง ดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้ผลกระทบอย่างใกล้ชิด


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนวิภากำลังพาดผ่านประเทศไทย ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ต้องเผชิญกับลมพายุและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน และมีความเสี่ยงดินโคลนถล่ม จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ดำเนินมาตรการความปลอดภัยสูงสุด เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้

กรมทางหลวง (ทล.) จัดเตรียมป้ายเตือนอันตราย ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง – ทางลัด และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะถนนสายหลักและเส้นทางภูเขาที่มีความเสี่ยงดินโคลนถล่ม อาทิ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย แพร่ และลำปาง เฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำและทางหลวงสายสำคัญ พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรเพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้ทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งให้ประสานการทำงานกับหน่วยงานท้องถิ่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนและผู้ใช้ทางอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ทล. ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมและดินสไลด์ในโครงข่ายทางหลวง ข้อมูล ณ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.30 น. พบ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย (10 สายทาง 14 แห่ง) น่าน (5 สายทาง 8 แห่ง) และพะเยา (5 สายทาง 7 แห่ง) รวม 29 แห่ง การจราจรผ่านได้ 22 แห่ง ผ่านไม่ได้ 7 แห่ง ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีฝนตกหนัก ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และสอบถามเส้นทางผ่านสายด่วน ทล. โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง


ส่วนกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่ให้ลงพื้นที่ตรวจสายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างใกล้ชิด หากพบถนนที่ได้รับผลกระทบทั้งสัญจรผ่านได้และผ่านไม่ได้ให้เร่งดำเนินการนำเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เข้าติดตั้งเพื่อแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้เส้นทางระมัดระวังในการขับขี่สัญจรทันที พร้อมรายงานสถานการณ์เข้าสู่ระบบบริหารจัดการงานอุทกภัย ทช. หรือ FMS เพื่อให้ผู้บริหารและประชาชนได้รับทราบเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว สามารถแจ้งเหตุสายด่วน ทช. โทร. 1146 ข้อมูล ณ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. มีสายทางที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม 3 จังหวัด สามารถสัญจรผ่านได้ ดังนี้ 1) ชม.3018 แยก ทล.108 – บ้านกิ่วแลป่าเป้า อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ช่วง กม. ที่ 11+730 – 11+740 2) พร.6040 บ้านน้ำพุ – บ้านแม่แรม อำเภอร้องกวาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ช่วง กม. ที่ 5+280 – 6+150 และ 3) อบ.4038 แยก ทล.2173 – บ้านพิบูลมังสาหาร อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ช่วง กม. ที่ 18+000 – 18+200

กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินมาตรการป้องกันน้ำท่วมในระบบขนส่งทางราง โดยเน้นการทำความสะอาดและปรับปรุงระบบระบายน้ำ ขุดลอกทางน้ำธรรมชาติ จัดเจ้าหน้าที่สำรวจพื้นที่เสี่ยง และจัดหาเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถ ทั้งนี้ รฟท. ได้เตรียมความพร้อมโดยกำชับทุกฝ่ายให้เข้มงวดมาตรการความปลอดภัยและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งรางรถไฟและตัวรถ อาณัติสัญญาณ เครื่องกั้นอัตโนมัติให้พร้อมใช้งาน และสำรองพนักงานรถจักรสำหรับภารกิจเผชิญเหตุ รวมถึงตรวจเช็กระบบต่าง ๆ ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ติดตามปริมาณน้ำฝน ประเมินสถานการณ์ จัดหาสถานที่พักคอยผู้โดยสาร และขอความร่วมมือผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังบริเวณจุดตัดเสมอระดับและอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟ โดยให้สังเกตป้ายและสัญญาณเตือนระดับน้ำ เพื่อความปลอดภัย

ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้แจ้งให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางออกจากประเทศไทยไปยังในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า และเซินเจิ้น เป็นต้น ตรวจสอบข่าวสารและสถานะของเที่ยวบิน หากได้รับผลกระทบจากเที่ยวบินล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบิน จะได้รับการคุ้มครองสิทธิทั้งในเที่ยวบินแบบประจำในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินหรือการขอรับเงินค่าโดยสารคืนเต็มจำนวน แต่ยกเว้นการรับค่าชดเชยเนื่องจากเกิดจากเหตุการณ์ภายนอกที่ไม่อาจคาดหมายและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.caat.or.th/th/archives/97266 หรือ โทร. 0 2568 8800 สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทยจากสนามบินที่ได้รับผลกระทบให้ตรวจสอบสิทธิและทางเลือกจากเว็บไซต์ของสายการบินที่เดินทาง


ด้านบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ออกมาตรการรองรับสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบการบินเพื่อเพิ่มระดับของความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการจัดการจราจรทางอากาศ ตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) การให้บริการจราจรทางอากาศและการปฏิบัติการบิน 2) การให้บริการเครื่องอำนวยความสะดวกการเดินอากาศ โดยให้เฝ้าระวังและเตรียมการรองรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 3) ลักษณะทางกายภาพของสนามบิน เช่น ทางวิ่ง ทางขับ และอื่น ๆ จนส่งผลต่อการให้บริการจราจรทางอากาศ และ 4) อาคารสถานที่ของ บวท. โดยให้ตรวจสอบสภาพการใช้งาน ความมั่นคงแข็งแรง รวมทั้งให้กำหนดแนวทางการบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ เพื่อให้ทุกเที่ยวบินเกิดความสะดวก และความปลอดภัยทางการบินสูงสุด

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ท่าอากาศยานในสังกัด ทอท. มีการดำเนินการโดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ พร้อมให้บริการในการเปิดศูนย์ประสานงานบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังภายในเขตสนามบินอย่างเคร่งครัด โดยจะมีการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน เวลา 09.00 น. เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมถึงได้เปิดพื้นที่สำหรับจอดยานพาหนะ เพื่อช่วยเหลือพนักงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ สามารถรองรับรถยนต์ได้ประมาณ 250 คัน ขณะที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย อนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังบ้านเรือน นำรถยนต์มาจอดบริเวณถนนเส้นทางบ้านพักพนักงานได้ ช่วงวันที่ 23 – 24 กรกฎาคม 2568 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยเที่ยวบินยังเข้า – ออกได้ปกติ

ในส่วนของกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ออกประกาศ จท. ที่ 152/2568 เรื่องให้ระมัดระวังการเดินเรือ เนื่องจากจากอิทธิพลของพายุวิภา และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่ง เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานเกี่ยวเกี่ยวข้อง พร้อมที่จะเข้าดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้สถานการณ์ดังกล่าวเกิดผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชน แต่หากมีสถานการณ์ผิดปกติจะเร่งส่งหน่วยงานเข้าลงพื้นที่และเร่งจัดการโดยทันที พร้อมกันนี้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทางติดต่อได้ที่ สายด่วน กระทรวงคมนาคม 1356 ทล. 1586 ทช. 1146 การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690 AOT Contact Center 1722 และกรมเจ้าท่า 1199. -513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]