กทม. 22 ก.ย.-“ภราดร” เผยร่างแก้ รธน. ภูมิใจไทย เสร็จแล้ว รอเข้าชื่อยื่นประธานสภา เพื่อบรรจุวาระ 24 ก.ย.นี้ รับมีปรับแก้ให้สอดคล้องคำวินิจฉัยศาล รธน. ปมที่มา ส.ส.ร. วางกรอบรับสมัครจังหวัดละ 1 คน รวม 77 อรหันต์ + 22 นักวิชาการ-ผู้เชี่ยวชาญ ยึดโมเดลแก้ รธน. ปี 39 ต้นแบบ ส.ส.ร. ปี 40
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนได้รับมอบหมายจากพรรค โดยมี นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งขณะนี้ร่างแก้ไขธรรมนูญ มาตรา 256 เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทางพรรคกำลังให้ สส.ร่วมลงชื่อเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีเสียง 1 ใน 5 โดยพรรคเรามี 69 เสียง และได้มีการหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นแล้วด้วย โดยจะมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อบรรจุวาระในวันที่ 24 ก.ย.นี้
ส่วนกรอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในรายละเอียดของร่างพรรคภูมิใจไทย นายภราดร ยอมรับว่า ก็มีการปรับเปลี่ยนจากแนวทางเดิมที่คิดไว้พอสมควร หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมา เราก็พยามจะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาล เช่น ที่มาของ สสร. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ประชาชนเลือกสภาร่างโดยตรง เลยต้องให้รัฐสภาเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ และต้องเขียนให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัย โดยในส่วนของเราจะให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็น สสร. แต่ละจังหวัดสมัครเข้ามา โดยให้ กกต. เป็นผู้รับสมัคร
จากนั้น ให้รัฐสภา เลือกเหลือจังหวัดละหนึ่งคน จากทั้งหมด 77 จังหวัด ก็จะมี 77 คน อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มนักวิชาการ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเชี่ยวชาญ 22 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 7-8 คน โดยให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสมัครเข้ามา และให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ซึ่งแนวทางนี้เป็นแนวทางที่เราใช้ในแนวทางเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2539 เป็นที่มาของ6 สสร.ในปี 40 และถือเป็นต้นแบบ
ส่วนข้อสะท้อนจากพรรคประชาชน ที่อยากให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปคุยกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายภราดร ระบุว่า ตนคิดว่าทุกฝ่ายควรช่วยกัน เมื่อพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ได้ตกลงร่วมกัน และมีเจตนาร่วมกันว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้ว การจะแก้จะต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของสมาชิกผู้แทนราษฎร ที่เห็นตรงกันจะต้องช่วยกันโน้มน้าว และพูดคุยกับ สว. ถึงความจำเป็น และเนื้อหาสาระ เพื่อให้เขามีความมั่นใจ และสบายใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายอนุทิน ก็เป็น สส. แต่ไม่ใช่แค่นายอนุทิน หรือไม่ใช่ว่าจะแค่พรรคไหน และ สส.คนใดของพรรค ก็จะต้องช่วยกันเจรจาพูดคุยเพื่อให้เดินไปสู่ปลายทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้สำเร็จ.-319.-สำนักข่าวไทย