อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน
สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด
ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง
นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก ต้องเดินลุยน้ำไปทำงานทุกวัน เวลาจะไปละหมาดก็ลำบาก เพราะมัสยิดน้ำท่วมเช่นกัน
เขื่อนป่าสักฯ จ่อปรับเพิ่มระบายน้ำอีก เตือนที่ลุ่มน้ำล้นตลิ่ง
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ออกหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แจ้งเตือนประชาชนถึงความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่าง 743 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯ และมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน 662 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อควบคุมระดับน้ำในเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม กรมชลประทานจะปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเดิม 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยทยอยเพิ่มวันละ 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
การปรับเพิ่มการระบายน้ำดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักฯ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1.50-1.80 เมตร อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำบางจุด เช่น ตลาดน้ำต้นตาล อ.เสาไห้, ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี, ต.แก่งเสือเต้น, ต.หินซ้อน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และชุมชนวัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
เขื่อนเจ้าพระยาคงการระบายน้ำ จับตาน้ำเหนือเพิ่ม
ส่วนเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ยังคงอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยบริหารจัดการน้ำด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
กรมชลประทานยังติดตามสถานการณ์ฝนตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่าในสัปดาห์นี้จะยังมีฝนตกต่อเนื่อง โดยตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ปัจจุบันที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,316 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น หากมีฝนตกลงมาเติม อาจต้องปรับเพิ่มอัตราการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย