ตาก 11 เม.ย. – วิกฤติโควิด-19 ไม่เพียงกระทบต่อภัตตาคารร้านอาหารใหญ่ที่ต้องปิดตัวลงชั่วคราว แต่ยังมีผลพวงต่อเนื่องถึงเกษตรกรที่ป้อนวัตถุดิบให้กับร้านอาหาร เช่น การตกค้างของกะหล่ำปลีนับร้อยตันที่ จ.ตาก
กะหล่ำปลีกว่า 100 ตัน ที่ตัดจากแปลงปลูกบนดอยสูงในหมู่บ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จ.ตาก รวมถึงกะหล่ำปลีอีกราว 70 ตัน ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วัน กำลังจะกลายเป็นผลผลิตตกค้างรอวันเน่าเสีย สร้างความกังวลให้กับผู้ปลูกกว่า 60 ราย หากเป็นช่วงปกติกะหล่ำปลีทั้งหมดจะถูกกระจายไปยังภัตตาคารร้านอาหารขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ วันเว้นวัน ครั้งละ 3-4 ตัน แต่ในภาวะที่โรคโควิด-19 ระบาดหนัก ร้านอาหารเหล่านี้ต้องปิดตัวลง ส่งผลกระทบต่อแหล่งปลูกกะหล่ำปลีบ้านอุ้มเปี้ยมอย่างมาก
บ้านอุ้มเปี้ยมเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีคุณภาพดี บนพื้นที่กว่า 150 ไร่ ผลผลิตจากที่นี่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานการทำเกษตรปลอดภัย (GAP) จากกรมวิชาการเกษตร จึงมีตลาดรองรับผลผลิตปลอดสารเคมีที่แน่นอน แต่สถานการณ์โรคโควิด-19 ทำให้ร้านอาหารที่ปิดตัวชั่วคราว งดรับซื้อผลผลิตเกือบทั้งหมด เพียง 1 เดือน กลุ่มผู้ปลูกกะหล่ำปลีสูญรายได้แล้วกว่า 2 ล้านบาท ตอนนี้จึงนำผลผลิตลอตแรกกว่า 1 ตัน ให้กับโรงพยาบาลชุมชน 9 แห่ง ในจังหวัดตาก เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารให้กับผู้ป่วยของโรงพยาบาล
ล่าสุดสำนักงานเกษตรจังหวัดตากเร่งหาตลาดทดแทนช่วยเหลือกลุ่มผู้ปลูกกะหล่ำปลีบ้านอุ้มเปี้ยม รวมถึงเชื่อมโยงตลาดในประเทศให้เกษตรกรระบายผลผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง
ผู้ปลูกกะหล่ำปลีคุณภาพดีจากบ้านอุ้มเปี้ยม บอกว่า พยายามเร่งระบายผลผลิตที่ออกมาในช่วงนี้ให้มากที่สุด และอาจต้องชะลอการปลูกในฤดูกาลใหม่ออกไปก่อน หากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ยังยืดเยื้อ . – สำนักข่าวไทย