ตรัง 27 ต.ค. – ดีเจสาวตกงานผันตัวขายเครื่องสำอาง ถูกแม่ค้าแสบเชิดเงินแสนหนีหาย แฉแม่ค้าคนดังกล่าวยังตระเวนหลอกเหยื่อต่อเนื่องอีกหลายราย
ที่บ้านเลขที่ 105/87 พัทลุงซอย 7 ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง เป็นร้านขายเครื่องสำอางของ น.ส.ณฐพร อายุ 23 ปี ชาว ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง อดีตดีเจและพิธีกรสาว พร้อมด้วยแฟนหนุ่ม คือนายฐิติพงษ์ อายุ 37 ปี อดีตดีเจและพิธีกรเช่นกัน เปิดเผยว่า หลังจากตกงานจากสถานการณ์โควิด-19 จึงผันตัวมาเปิดร้านขายเครื่องสำอาง และขายออนไลน์ แต่ถูกผู้ใช้เฟซบุ๊ก “แอล’ล ตัว’ว” เป็นชื่อของ น.ส.ดาราวดี หลอกขายเครื่องสำอาง โดย น.ส.ณฐพร นำหลักฐาน ทั้งสลิปการโอนเงิน แชทการสนทนา ใบรับแจ้งความ และบัตรประจำตัวประชาชน ของคู่กรณี ให้ผู้สื่อข่าวดู
น.ส.ณฐพร และแฟนหนุ่ม เป็นพิธีกรและดีเจชื่อดังใน จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะได้รับผลกระทบจากพิษโควิด จึงเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ตรัง โดยมาเปิดร้านขายเครื่องสำอาง และสั่งเครื่องสำอางจาก น.ส.ดาราวดี เพื่อมาจำหน่ายทางออนไลน์ ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยได้สินค้ามาตลอด กระทั่งช่วงเดือนตุลาคม ตนสั่งของไปอีก 5 ครั้ง แต่ปรากฏว่ากลับไม่ได้ของตามที่สั่ง ทำให้สูญเงินไป 119,020 บาท ซึ่งมีการทวงถามไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อ จาก น.ส.ดาราวดี ได้ ตนและแฟนหนุ่มจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองตรัง โดยตำรวจแนะนำให้กลับมาไกล่เกลี่ยกันก่อน ปรากฏว่าคู่กรณีโอนเงินกลับคืนมาให้เพียง 45,000 บาท ยังขาดอยู่อีก 56,020 บาท แล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้
น.ส.ณฐพร กล่าวว่า ยืนยันว่าครั้งนี้จะนำเอกสารไปพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่ไกล่เกลี่ยหรือยอมความอีกแล้ว และจะให้กรณีของตนเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะที่ผ่านมาคู่กรณีรายดังกล่าวหลอกพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นที่ตนรู้จักอีกกว่า 10 ราย รวมมูลค่า 3-4 ล้านบาท แต่คู่กรณียังโพสต์ขายสินค้าทุกวัน รวมทั้งยังโพสต์ภาพไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับมีมูลค่า และกินดีหรูหรา ตนเข้าใจว่าการหลอกหรือโกงในลักษณะเช่นนี้ มีเยอะในปัจจุบัน แต่อยากให้ตำรวจจับกุมให้ได้ และอยากให้ทาง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกองปราบปราม เข้ามาดูแลและช่วยเหลือ ส่วนตนยอมรับว่าเดือดร้อน เพราะเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินเก็บสะสมที่ใช้จ่ายหมุนเวียน เมื่อโดนโกงถือว่าเป็นการซ้ำเติมในยุคที่ทุกคนต่างลำบากกัน สุดท้ายอยากฝากไปถึงพ่อค้าแม่ค้าทุกรายให้ตรวจสอบและระมัดระวังกันให้ดี และช่วยกันแจ้งความดำเนินคดี เพื่อไม่ให้คนที่โกง หรือหากินบนความทุกข์ของคนอื่นได้มีที่ยืนในสังคม.-สำนักข่าวไทย