นนทบุรี 5 ม.ค. – พาณิชย์เกาะติดสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐโจมตีทางอากาศ เตรียมแนวทางรับมือหากบานปลาย
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ เพื่อสังหารนายพล กัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังหน่วยรบพิเศษ Quds Force ทหารคนสำคัญของผู้นำสูงสุดอิหร่าน เมื่อเช้าวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและสร้างความผันผวนแก่ตลาดเงินและตลาดทุน โดยประเมินว่าระยะสั้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยวันที่ 3 มกราคม ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 4 และมีแนวโน้มว่าปรับตัวขึ้นอีก หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น
สำหรับระยะกลาง-ยาว ประเมินว่า กระทบความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุนและอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเล็กน้อย แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยบวกด้านอื่น ๆ ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบ เช่น ความคืบหน้าการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน และมาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม หากเกิดการตอบโต้ระหว่างกันและมีการปิดเส้นทางเดินเรือ ราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก เพราะน้ำมันจากตะวันออกกลางส่วนใหญ่ผ่านทางช่องแคบฮอร์มุซ โดยอิหร่านเป็นประเทศที่มีบทบาทหลักในการควบคุมเส้นทางดังกล่าว นอกจากนี้ การขนส่งสินค้า ก็มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยการเดินเรือกว่าร้อยละ 20 ของโลกใช้เส้นทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ หากมีการปิดเส้นทางเรือบรรทุกน้ำมันและสินค้าจะไม่สามารถใช้ช่องแคบ เพื่อเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียได้
นอกจากนี้ ในประเด็นด้านการค้าและการส่งออกของไทยนั้น สินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ ก๊าชธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลี่ยมเหลว) มูลค่า 22,873.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 11 ของการส่งออกรวม 11 เดือนแรก ปี 2562 อาจได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบจะเพิ่มความท้าทายในการฟื้นฟูตลาดส่งออกในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิรักและอิหร่าน และตลาดแอฟริกาที่มีประเทศในตะวันออกกลางเป็นช่องทางการค้าให้สินค้าไทย แต่เชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่สามารถหาแนวทางขยายการค้าได้ โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมนำทัพภาคเอกชนเดินทางไปรุกตลาดอย่างน้อย 16 ประเทศ รวมถึงตะวันออกกลางปี 2563
ทั้งนี้ แม้ขณะนี้ไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากเรื่องตลาดทุนตลาดเงิน และราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูง แต่ สนค.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมแนวทางรับมือในระยะต่อไป โดยเฉพาะหากมีการตอบโต้กันในวงกว้างขึ้น โดยในระยะ 11 เดือนแรกปี 2562 การค้าระหว่างไทยและตะวันออกกลาง มีมูลค่ารวม 25,683 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่าร้อยละ 5.8 ของการค้ารวม โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 7,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 18,034 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ การค้าระหว่างไทยและแอฟริกา มูลค่ารวม 9,373 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 2.1 ของการค้ารวมโดยเป็นการส่งออกมูลค่า 6,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 3,085 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย