11 ก.ย.- เหตุการณ์กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้นำฮามาสพลัดถิ่น ซึ่งรวมถึง คาลิล อัล-ไฮยา ผู้นำฮามาสในฉนวนกาซาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ และเป็นหัวหน้าคณะเจรจาหลักของฮามาสเรื่องข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (9 ก.ย.) ยิ่งส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ไม่สงบและวุ่นวายอยู่แล้วซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เพราะกำลังดึงให้กาตาร์ ประเทศอ่าวอาหรับที่ร่ำรวยและวางตัวในฐานะ ‘ผู้ไกล่เกลี่ย’ ให้กับสถานการณ์ความขัดแย้งทั้งในตะวันออกกลางและคู่ขัดแย้งอื่นนอกภูมิภาค ต้องเข้ามาเกี่ยวโยงกับความขัดแย้งโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจบทบาทของกาตาร์กับฮามาส โดยเฉพาะการที่กาตาร์กลายเป็นฐานที่มั่นของบรรดาคณะผู้นำของฮามาส ใช้เป็นทั้งที่พำนักและสำนักงาน ทั้งที่ทั่วโลกเข้าใจว่า กลุ่มฮามาสเป็นกลุ่มก่อการร้าย และอยู่เบื้องหลังรุนแรงและความไม่สงบจำนวนมากในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกับอิสราเอล
กาตาร์กับบทบาทประเทศผู้ไกล่เกลี่ย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กาตาร์วางตนเองเป็นประเทศคนกลางที่พร้อมทำหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งให้กับคู่ขัดแย้งมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่น การที่กาตาร์ให้กรุงโดฮา เมืองหลวง เป็นฐานที่มั่นและสำนักงานของกลุ่มก่อการร้ายอย่างฮามาส และตอลิบานในอดีต ช่วยให้กาตาร์เป็นผู้จัดหาช่องทางการติดต่อเจรจาระหว่างกลุ่มเหล่านี้กับประชาคมโลก โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ ทำหน้าที่เป็นคนกลางว่า กลุ่มเหล่านี้ต้องการอะไร และทำไมจึงลงมือก่อเหตุการณ์ต่างๆ
อัลจาซีรา สื่อของกาตาร์รายงานว่า ฮามาสได้เปิดสำนักงานเพื่อดำเนินงานด้านการเมืองครั้งแรกในกาตาร์เมื่อปี 2012 หลังจาก คาเลด เมชาล ผู้นำฮามาสในช่วงดังกล่าว และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งฮามาส ออกจากซีเรียหลังจากเกิดสงครามขึ้นในประเทศ รัฐบาลกาตาร์เคยเปิดเผยว่า การตัดสินใจเพื่อเป็นที่พักพิงให้กับผู้นำของฮามาสเป็นเพราะคำเรียกร้องจากสหรัฐฯ ขณะที่เมื่อปี 2023 หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล (The Wall Street Journal) รายงานโดยอ้าง เอกอัครราชทูตกาตาร์ประจำสหรัฐฯ ชีค เมชาล บิน ฮามัด อัล ธานี ที่ออกมากล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการสร้างการติดต่อทางอ้อมกับกลุ่มฮามาสผ่านกาตาร์ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เนื่องจากน่าจะเป็นเรื่องที่ ‘สะดวกใจกว่า’ กับการที่สหรัฐฯ ต้องติดต่อกับฮามาส ที่พวกเขามองว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายโดยตรง โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความอ่อนไหว เช่น รายละเอียดของข้อตกลงหยุดยิง หรือการปล่อยตัวประกันที่ยังถูกควบคุมตัวไว้
ผู้นำฮามาสหลายคนเข้ามาอาศัยในกาตาร์ หรือ เคยอยู่ที่นี่เพราะเป็นผลจากการเปิดสํานักงานฮามาสในกาตาร์ อาทิ คาเลด เมชาล อดีตหัวหน้าสํานักงานการเมืองของฮามาสที่รอดชีวิตจากการถูกอิสราเอลลอบสังหารในปี 1997 ย้ายมาอยู่กาตาร์ตั้งแต่ปี 2012 และอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่นั้นมา อีกหนึ่งผู้นำฮามาสอย่าง อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเมชาลและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ ก็ได้ย้ายมาอาศัยที่กาตาร์ในปี 2017 ปีเดียวกันกับที่เขาเดินทางออกจากฉนวนกาซา ก่อนที่ฮานิเยห์จะถูกอิสราเอลลอบสังหารในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024
ฮามาสต้องการฐานที่มั่นทางการเมือง
คณะผู้นำของฮามาสตั้งแต่สมัย คาเลด เมชาล ต้องเก็บข้าวของออกจากซีเรีย ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของพวกเขามายาวนาน หลังจากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในประเทศเมื่อปี 2012 รัฐบาลกาตาร์จึงเสนอที่ทางให้พวกเขาพำนักและเปิดสำนักงานในกรุงโดฮา ซึ่งน่าจะมีความสะดวก ยั่งยืน และปลอดภัยมากกว่า การที่ฮามาสตั้งสำนักงานและฐานที่มั่นทางการเมืองในกาตาร์ ช่วยให้พวกเขาอุ่นใจขึ้นว่าจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการลอบสังหารจากอิสราเอลได้โดยง่าย และช่วยให้ฮามาสสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่าง ๆ ได้อย่างโปร่งใสมากขึ้น สามารถติดต่อพูดคุยสื่อสารกับบรรดาผู้นำและตัวแทนทางการทูตของประเทศต่าง ๆ รวมถึงสื่อมวลชนหลัก ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า ฮามาสเป็นองค์กรทางการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นแค่กลุ่มก่อการร้ายอย่างที่หลายฝ่ายตราหน้า

เหตุผลดังกล่าว ทำให้กรุงโดฮาของกาตาร์ กลายเป็นที่พักพิงให้กับบุคคลสำคัญในแถบอาหรับหลายคน ที่ย้ายเข้ามาอยู่ในกาตาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังปรากฏการณ์ ‘อาหรับสปริง’ (Arab Spring) แพร่หลายไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง กาตาร์เคยเป็นที่ตั้งของสำนักงานกลุ่มตอลิบาน ในปี 2013 ช่วงที่ตอลิบานยังทำสงครามต่อสู้กับสหรัฐฯ โดยสำนักงานของตอลิบานในกาตาร์เปิดขึ้นจากคำเรียกร้องของสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเจรจาสันติภาพ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มในตะวันออกกลางเท่านั้น นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังเลือกกาตาร์เป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศ อัล อูเดอิด ซึ่งเป็นฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางด้วย
กาตาร์หนุนหลังฮามาสมายาวนาน
รัฐบาลกาตาร์ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ฉนวนกาซามาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2007 แน่นอนว่ารวมถึงการสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มฮามาสที่ดูแลฉนวนกาซาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเชื้อเพลิงที่ใช้งานในฉนวนกาซา ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงเงินเดือนของบรรดาเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่าง ๆ ของฮามาสที่ดูแลฉนวนกาซา ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศบาล หน่วยงานสาธารณสุขและกู้ภัย โดยได้ไฟเขียวจากสหรัฐฯ และอิสราเอลมานานหลายปีที่แล้ว แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะเผชิญอุปสรรคมากมาย รวมถึงการที่อิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซาก็ตาม การที่กาตาร์เป็นประเทศผู้สนับสนุนหลักในประเด็นเกี่ยวกับปาเลสไตน์ด้วย ช่วยให้กาตาร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นกับฮามาสมากขึ้น ซึ่งในทางกลับกัน ก็ทำให้กาตาร์เพิ่มบทบาทสำคัญในตะวันออกกลาง มีส่วนในการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ของฮามาสในฉนวนกาซา รวมไปถึงกิจการอื่น ๆ ในตะวันออกกลางที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับปาเลสไตน์
กาตาร์กลายเป็นผู้เล่นเด่นในภูมิภาค
การให้การสนับสนุนกลุ่มฮามาสของกาตาร์ รวมถึงการสนับสนุนปาเลสไตน์เป็นประเด็นที่ชาวกาตาร์ส่วนใหญ่สนับสนุนและเห็นด้วย การให้ที่พำนักพักพิงแก่กลุ่มฮามาสยิ่งทำให้กาตาร์ได้รับการยอมรับมากขึ้นทั้งในตะวันออกกลางและสายตาชาวโลก แม้กาตาร์จะเป็นประเทศเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 2 ล้านกว่าคน ความสัมพันธ์กับกลุ่มฮามาสช่วยให้กาตาร์เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญ ในฐานะรัฐที่ทรงอิทธิพลอีกหนึ่งรัฐในตะวันออกกลางและอ่าวอาหรับ โดดเด่นและแตกต่างจากมหาอำนาจอ่าวประเทศอื่น อย่างซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ที่ดูเหมือนจะมีแนวคิดต่อต้านรุนแรงต่อกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) องค์กรศาสนาที่กลุ่มฮามาสมองว่าเป็นแรงบันดาลใจและต้นแบบในการขับเคลื่อนแนวคิดของพวกเขา
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ทั้งซาอุดีอาระเบียและยูเออีเคยแสดงความไม่พอใจต่อบทบาทเหล่านี้ของกาตาร์ ที่ดูจะเป็นมิตรต่อกลุ่มก่อการร้ายในสายตาของซาอุดีอาระเบีย ทั้งภราดรภาพมุสลิม อัลกออิดะห์ กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส รวมถึงกาตาร์ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่าน อีกหนึ่งศัตรูตัวฉกาจของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ในปี 2017 ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี บาห์เรน และอียิปต์ ประกาศตัดความสัมพันธ์และคว่ำบาตรกับกาตาร์ อ้างว่ากาตาร์เป็นต้นเหตุทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางสั่นคลอน พร้อมปิดพรมแดนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศกับกาตาร์ นักการทูตกาตาร์ถูกสั่งให้ออกจากซาอุดีอาระเบีย ยูเออี และอียิปต์ พลเมืองกาตาร์ถูกสั่งเดินทางออกจากทั้ง 3 ประเทศ และมีการห้ามไม่ให้พลเมืองของ 3 ชาติเดินทางไปกาตาร์ด้วย ก่อนยื่นข้อเรียกร้อง 13 ข้อ เช่น สั่งปิดสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ลดระดับความสัมพันธ์กับอิหร่าน ปิดฐานทัพตุรกีในประเทศ และหยุดสนับสนุนเงินทุนแก่กลุ่มก่อการร้าย แต่กาตาร์ไม่ได้ทำตามข้อเรียกร้องเหล่านี้
ความสัมพันธ์ระหว่างกาตาร์กับซาอุดีอาระเบียและหลายชาติอ่าวอาหรับตึงเครียดอยู่หลายปี ก่อนที่ซาอุดีอาระเบียและชาติอาหรับจะลงนามข้อตกลงฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ในการประชุมสุดยอดสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือ GCC เมื่อเดือนมกราคม 2020
Final Thoughts: เครื่องหมายคำถามอนาคตกาตาร์-ฮามาส
แม้การที่กาตาร์ให้การหนุนหลังกลุ่มฮามาสต่อเนื่องยาวนานจะเป็นผลดีต่อกาตาร์ แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์กลุ่มนักรบฮามาสโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ทำให้สหรัฐฯ และประชาคมโลกออกมาเรียกร้องกดดันให้กาตาร์พิจารณาความสัมพันธ์กับฮามาสเสียใหม่ จนกระทั่งมีรายงานบางกระแสว่า กาตาร์อาจพิจารณาเลิกทำหน้าที่คนกลางไกล่เกลี่ยการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างฮามาสกับอิสราเอล และกำลังพิจารณาอนาคตเกี่ยวกับการคงอยู่ของสำนักงานกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮาด้วย
เหตุการณ์อิสราเอลโจมตีคณะผู้นำกลุ่มฮามาสถึงกรุงโดฮาในสัปดาห์นี้ แน่นอนว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางซับซ้อนวุ่นวายมากขึ้น เพราะการกระทำของอิสราเอลถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกาตาร์อย่างร้ายแรง ซึ่งกาตาร์และประชาคมโลกล้วนประณามอิสราเอลไปแล้ว
แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ น่าจะทำให้กาตาร์ต้องฉุกคิดอย่างหนักอีกครั้งว่า คุ้มหรือไม่กับการสนับสนุน ‘คุ้มกะลาหัว’ ให้ฮามาส จนทำให้อธิปไตยของตนเองอยู่ในความเสี่ยง เหมือนกับที่อิหร่าน เลบานอน และเยเมน ตกเป็นเป้าโจมตีของอิสราเอล ที่หวังสังหารแกนนำและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาสมาแล้วหลายครั้ง
ขณะที่อิสราเอลยังยึดมั่นใจภารกิจกวาดล้างกลุ่มฮามาสให้สื้นซากเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมว่าจะปักหลักหรือมีฐานที่มั่นอยู่ที่ไหน และจะทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังที่ให้การสนับสนุนอยู่นั้นเดือดร้อนหรือไม่.-815.-สำนักข่าวไทย
อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Qatari_support_for_Hamas
https://www.aljazeera.com/news/2025/9/9/why-does-qatar-host-hamass-political-office
https://www.mideastjournal.org/post/how-qatar-became-the-mideast-sponsor-of-hamas
https://www.independent.co.uk/news/world/americas/hamas-israeli-middle-east-qatar-donald-trump-b2823539.html
https://strategiecs.com/en/analyses/the-paths-of-political-presence-of-hamas-movement-in-qatar