วอชิงตัน 27 ก.ย.- สหรัฐจะเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศของประธานาธิบดีกุสตาโบ เปโตรของโคลอมเบีย โดยระบุว่า ผู้นำโคลอมเบียเรียกร้องให้ทหารอเมริกันขัดขืนไม่ฟังคำสั่งและยุยงให้เกิดความรุนแรงขณะอยู่ในสหรัฐ
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐโพสต์ผ่านเอ็กซ์ (X) เมื่อวันศุกร์ว่า กระทรวงจะเพิกถอนวีซ่าของนายเปโตร เพราะการกระทำที่ไร้ความยั้งคิดและก่อความไม่สงบของเขา สหรัฐประกาศเรื่องนี้หลังจากผู้นำโคลอมเบีย ซึ่งไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 หรือยูเอ็นจีเอ 80 (UNGA80) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ กล่าวกับฝูงชนหน้าสำนักงานใหญ่ยูเอ็นว่า ขอให้ทหารทุกนายในกองทัพสหรัฐไม่เล็งปืนไปที่ประชาชน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ปฏิบัติตามคำสั่งด้านมนุษยธรรม
ประธานาธิบดีเปโตร วัย 65 ปี ใช้การกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้นำโลกเมื่อวันที่ 23 กันยายนตามเวลาท้องถิ่น กล่าวโจมตีนายทรัมป์ว่า สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีอาญากับสหรัฐ กรณีที่ใช้ขีปนาวุธยิงทำลายเรือต้องสงสัยค้ายาเสพติดที่กำลังแล่นในทะเลแคริบเบียน ผู้นำโคลอมเบียได้นำคลิปที่เขาไปกล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ที่ชุมนุมประท้วงในนครนิวยอร์กมาโพสต์ซ้ำในสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อวันศุกร์ เขาเป็นหนึ่งในผู้แสดงตัวคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อการที่อิสราเอลทำสงครามในกาซา และได้สั่งระงับการส่งออกถ่านหินไปให้อิสราเอล


นายเปโตรเป็นอดีตสมาชิกกลุ่มกองโจรเอ็ม-19 (M-19) ที่เคลื่อนไหวในโคลอมเบียช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 และคริสต์ทศวรรษ 1980 เคยถูกกองทัพจับกุมในปี 2528 ข้อหาครอบครองอาวุธและถูกจองจำนาน 18 เดือน ต่อมาในปี 2533 เขาและพรรคพวกยอมวางอาวุธ หลังจากเจรจากับรัฐบาลเรื่องการนิรโทษกรรมและผันตัวเป็นพรรคการเมือง นายเปโตรได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในปี 2534 ต่อมาถูกขู่เอาชีวิตต้องหนีไปอยู่ในเบลเยี่ยมช่วงปี 2537-2539 ก่อนกลับเข้าสู่แวดวงการเมืองอีกครั้ง ผ่านการเป็น สส. สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายกเทศมนตรีกรุงโบโกตา และลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหลายครั้งจนสำเร็จในปี 2565.-814.-สำนักข่าวไทย