นิวยอร์ก 24 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จำเป็นต้องหยุดยั้งสงครามกาซาให้ได้ หากต้องการคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ประธานาธิบดีมาครงให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์บีเอ็มเอฟทีวี (BMF TV) ของฝรั่งเศสระหว่างร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติหรือยูเอ็นจีเอ (UNGA) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนเดียวที่มีอำนาจในการกดดันอิสราเอลให้ยุติสงครามในกาซา เหตุผลที่ผู้นำสหรัฐสามารถทำได้มากกว่าผู้นำประเทศอื่น เป็นเพราะสหรัฐเป็นประเทศที่จัดส่งอาวุธที่เปิดทางให้เกิดสงครามในกาซา
ประธานาธิบดีมาครงกล่าวถึงสุนทรพจน์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวต่อยูเอ็นจีเอในเช้าวันเดียวกันว่า เขาได้เห็นประธานาธิบดีสหรัฐผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามกล่าวย้ำว่า ต้องการสันติภาพ โดยได้แก้ไขความขัดแย้งมาแล้ว 7 ความขัดแย้ง และต้องการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เขามองว่า เรื่องนี้จะเป็นไปได้ต่อเมื่อผู้นำสหรัฐสามารถหยุดยั้งสงครามในกาซาแล้วเท่านั้น

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ที่มีน้ำเสียงท้ารบและเนื้อหากว้างขวางครอบคลุม ไม่ยอมรับการที่พันธมิตรชาติตะวันตกหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย โปรตุเกส ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ เพราะมองว่าจะเป็นการตบรางวัลให้แก่กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาส เขากล่าวอ้างว่า ตนเองสมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่เคยมอบให้แก่ประธานาธิบดีสหรัฐ 4 คน ประกอบด้วยธีโอดอร์ รูสเวลต์ ปี 2449, วูดโรว์ วิลสัน ปี 2462, จิมมี คาร์เตอร์ ปี 2545 และบารัก โอบามา ปี 2552 ขณะที่หลายประเทศ เช่น กัมพูชา อิสราเอล และปากีสถานเสนอชื่อนายทรัมป์ให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ ซึ่งจะมีการประกาศชื่อในวันที่ 10 ตุลาคมนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีมาครงได้สนทนาทวิภาคีนอกรอบยูเอ็นจีเอในวันเดียวกัน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า การรับรองรัฐปาเลสไตน์เท่ากับเป็นการให้ของขวัญแก่กลุ่มฮามาสที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสตอบว่า ไม่มีใครลืมวันดังกล่าว ฝรั่งเศสเองก็สูญเสียพลเรือนจำนวนหนึ่งในการก่อการร้ายครั้งนั้น แต่หลังจากสงครามดำเนินมาเกือบ 2 ปี มีการสังหารแกนนำฮามาสไปหลายคน แต่จำนวนนักรบฮามาสก็ยังมีมากมายเหมือนในวันแรกที่เกิดสงคราม ดังนั้นการทำลายกลุ่มฮามาสจึงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องที่จะดำเนินต่อไป.-814.-สำนักข่าวไทย