กรุงเทพฯ 14 มี.ค. – อุตสาหกรรมเหล็กลวดไทยขอให้กระทรวงพาณิชย์ใช้มาตรการเซฟการ์ดปกป้องผู้ผลิตในประเทศ หลังสหรัฐประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม
นายธีรยุทธ เลิศศิรินะรังสรรค์ นายกสมาคมการค้าเหล็กลวดไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมจะมีผลหลังประกาศ 15 วันนับจากวันที่ประกาศ คือ นับจากวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา การขึ้นภาษีนำเข้าดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่อเหล็กและเหล็กรีดเย็นในประเทศไทย และในช่วงก่อนที่การปรับขึ้นภาษีนำเข้าจะเริ่มมีผลบังคับใช้แต่ละประเทศกำลังวิ่งเต้นเพื่อให้ได้รับการยกเว้น ซึ่งในส่วนของแคนาดาและเม็กซิโกได้รับการยกเว้นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าไปแล้ว ขณะที่ประเทศออสเตรเลียก็มีข้อต่อรองเรื่องของการเป็นพันธมิตรในการทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาก็น่าจะได้รับการพิจารณายกเว้นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ส่วนประเทศไทยไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำเรื่องขอยกเว้นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าได้ทันหรือไม่ และมีอำนาจต่อรองมากน้อยเพียงใด โดยมี 2 เงื่อนไข คือ การเป็นพันธมิตรร่วมทำสงครามกับสหรัฐ และบริษัทของสหรัฐลงทุนในไทยมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้น
ในส่วนของอุตสาหกรรมเหล็กลวดไทย ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าอุตสาหกรรมรวมทั้งห่วงโซ่อุปทานประมาณ 60,000 ล้านบาท มีความต้องการผลิตภัณฑ์รวม 2.3 ล้านตันต่อปี ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เพราะประเทศผลิตเหล็กลวดที่ถูกขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐจะหันมาส่งสินค้าขายในประเทศไทยและประเทศอื่นมากขึ้นย่อมกระทบผู้ผลิตในประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าจากจีนประมาณ 750,000 ตันต่อปี จากเดิมเคยมีการนำเข้าจากจีน 1.2 ล้านตันต่อปี แต่ยังเป็นปริมาณที่สูง ซึ่งจะกระทบกับผู้ประกอบการในประเทศได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กลวดไทยจึงต้องการให้ภาครัฐใช้มาตรการปกป้องหรือเซฟการ์ด มาตรการตอบโต้การอุดหนุน ทบทวนมาตรการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดปัจจุบัน เพื่อให้มีความเข้มแข็งและรัดกุมไม่ให้เกิดช่องทางในการหลีกเลี่ยงพิกัดและมีการแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์เหล็กลวดให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ตลอดจนมีการทำงานอย่างมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กรมศุลกากร และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อให้มีประสิทธิผลในเวลาที่รวดเร็วทันเวลา เพื่อป้องกันการสูญเสียในวงกว้างของผู้ประกอบการในไทย. – สำนักข่าวไทย