กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – เอกชนถามเกิดอะไรกับค่าเงินบาท หลังแข็งค่าขึ้นกว่า 7% จากต้นปี ชี้ผู้ส่งออกเจอปัญหา 2 เด้ง ทั้งภาษีทรัมป์และบาทแข็ง เตรียมขอพบผู้ว่าการ ธปท.
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งขนาดนี้ ไม่สะท้อนสภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ดี กำลังการซื้อไม่ดี ซึ่งปกติสถานการณ์แบบนี้ค่าเงินบาทควรจะอ่อน แต่ตามที่หลายคนบอกว่าปัญหาตอนนี้คือค่าเงินสหรัฐ อ่อนตัวทำให้เงินในภูมิภาคนี้แข็งค่าขึ้นซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่ทำไมค่าเงินบาทจึงอ่อนกว่าค่าเงินสกุลอื่นๆ เรียกว่าอ่อนปวกเปียกทุกครั้ง แต่ในขณะที่ดอลลาร์อ่อน ค่าเงินสกุลต่าง ๆ ในภูมิภาคแข็งค่าขึ้น แต่ทำไมค่าเงินบาทแข็งมากกว่าสกุลอื่นๆ เสมอ ขณะนี้เงินบาทแข็งค่าเป็นอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าไป 7% เป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองจากไต้หวันเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ส่งออกเจอปัญหา 2 เด้ง เด้งที่ 1 คือภาษีสหรัฐ 19% เด้งที่ 2 คือเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ประเทศอื่นๆ ใช้เทคนิคควบคุมค่าเงิน เมื่อเจอภาษีสูงขึ้นก็ลดค่าเงิน เมื่อหักลบกันก็สามารถช่วยได้บ้าง ยกตัวอย่างประเทศไทยที่โดนเรียกเก็บภาษี 19% หากลดค่าเงินบาท 7% หักลบแล้วก็เท่ากับว่าสินค้าไทยโดนเรียกเก็บภาษี 13% แต่เรายังมีตลาดใหญ่อีก 80% ทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ 100% โดยการส่งออกของไทยคิดเป็น60% ของจีดีพี ไม่เฉพาะภาคส่งออกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วยเนื่องจากไทยพยายามจะเร่งฟื้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถ้าเงินบาทแข็งค่าก็หมายความว่า นักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวไทย อาจจะลังเลและเบี่ยงเบนไปเที่ยวประเทศอื่นแทน โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่วันนี้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น
อย่างไรก็ดี กกร.เตรียมขอเข้าพบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าหนักและรวดเร็ว เพื่อลดผลกระทบให้กับภาคส่งออก และภาคท่องเที่ยว.-517-สำนักข่าวไทย