ผู้แทน สตง.แจงยิบสร้างตึก สตง. ยันเหล็ก-ปูนมีมาตรฐาน

รัฐสภา 10 เม.ย.-กมธ.ติดตามงบฯ ถกโครงการสร้างตึก สตง.แห่งใหม่ ด้าน ‘ผู้แทน สตง.’ แจงยิบปรับสัญญาถึง 14 มิ.ย.นี้ ทั้งที่การสร้างต้องเสร็จ 31 ธ.ค.66 ยันเหล็ก-ปูนมีมาตรฐาน ลั่นเดินหน้าสร้างต่อ แต่ปรับรูปแบบไม่สูง-ทับที่ตึกเก่า ใช้งบที่เหลือสร้าง

การประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนเป็นประธาน วาระพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณ กรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่ถล่มอันเกิดจากแผ่นดินไหว โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล ดังนี้ 1.ผู้ว่าการ สตง. 2.อธิบดีกรมบัญชีกลาง 3.อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง 4.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 5.นายกสภาวิศวกร 6.นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และ 7.นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมถัมภ์


นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษก สตง. กล่าวว่า อาคารของเราเป็นอาคารสูงพิเศษ เป็นไปตามความหมายของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารปี 2522 ฉะนั้น จึงต้องมีการจ้างออกแบบ ซึ่งได้บริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยวงเงิน 73 ล้านบาท และได้ผู้ชนะการประกวดราคา ได้แก่ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) มีการลงนามสัญญา 23 กันยายน 2563 และมีการแก้ไขสัญญา 9 ครั้ง งบประมาณในสัญญาอยู่ที่ 2,560 ล้านบาท ราคากลางขณะที่ประมูลอยู่ที่ 2,522 ล้านบาท แต่ราคาที่ประมูลได้อยู่ที่ 2,136 ล้านบาท แต่เมื่อมีการแก้ไขสัญญาและปรับเนื้องานปัจจุบันสัญญาอยู่ที่ 2,131 ล้านบาท มีระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 36 งวดงาน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เริ่มสัญญาเมื่อส่งมอบพื้นที่ได้คือ 1 มกราคม 2564 และต้องเสร็จตามสัญญาคือวันที่ 31 ธันวาคม 2566 แต่ระหว่างนั้นมีการขอขยายระยะเวลา 2 ครั้ง เนื่องจากสถานการณ์โควิดและการปรับแก้สัญญา ซึ่งมีการขยายไปจนถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2567 และเราได้มีการปรับแผนตามหนังสือ วอ.1459 ต่อไปถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ค่าปรับเท่ากับศูนย์ตามหนังสือ วอ.3693 วันที่ 7 สิงหาคม 2568


นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ สตง.ได้เช่าที่รถไฟในพื้นที่ 10 ไร่ เพราะเราต้องการใช้พื้นที่ในการทำงานของเจ้าหน้าที่จำนวน 2,400 คน ซึ่งในส่วนนี้รวมถึงอาคารจอดรถ 1 อาคาร อาคารอบรม 1 อาคาร เรามีหน่วยงานภายใน 50 หน่วยงาน ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องมีตึกสูง อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่มีการออกแบบเราได้มีการไปปรึกษาอัยการสูงสุดเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ 2-3 ครั้ง จนกระทั่งได้บริษัทที่ชนะออกมา และเราก็ได้ผู้รับจ้างคือบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ที่ถูกมอบให้เป็นผู้เซ็นสัญญา ซึ่งเราได้มีการถามบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ว่าสามารถลดจากราคากลาง 300 กว่าล้านได้หรือไม่ คำตอบที่ได้คือเขามีทุนและมีเครื่องมือ และเขาทำเราจึงมีการปรับเงินจาก 2,522 ล้านบาทนั้น มาอยู่ในวงเงินที่เขาเสนอคือ 2,136 ล้านบาท แต่ต้องได้ตึกตามที่เราประกวดราคา และมีการจ่ายเงินไปแล้ว 22 งวด หรือเป็นวงเงิน 966 ล้านบาทรวมเงินที่ต้องจ่ายล่วงหน้า

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ด้วยจำนวนเงินดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมากที่สุดเท่าที่ สตง. ได้ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการทุจริต โครงการข้อตกลงคุณธรรม กับกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งอยู่ในช่วงการบริหารสัญญา เรายินดีที่จะนำเงินเป็นค่าทำเนียมให้กับผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการข้อตกลงคุณธรรมปีละ 2 แสน เป็นเวลา 3 ปี รวม 6 แสนด้วยเงินของ สตง.

“เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 เขาควรได้งาน 86.77 เปอร์เซ็นต์ หากทำอย่างถูกต้อง แต่เขากลับมีงานแค่ 33 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงมีมติขอให้บอกเลิกสัญญา และอยู่ระหว่างการเสนอผู้มีอำนาจดำเนินการ แต่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจหมดวาระ ต้องรอชุดใหม่เข้ามา เรื่องจึงอยู่ตรงนั้น” นายสุทธิพงษ์ กล่าว


นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และทราบว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เราก็จะสามารถชี้ผู้ที่รับผิดได้ ซึ่งการที่ สตง.ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงนั้น ก็เพราะหากมีการตั้งคณะกรรมการจริง เรื่องก็จะยุติ เนื่องจากสิ่งที่เราทำอยู่เรามีเอกสารอย่างละเอียดทุกประการ ฉะนั้น จึงขอให้หน่วยงานที่ถูกตั้งเป็นคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบนั้น ช่วยบอกหน่อยว่าตึกถล่มเพราะอะไร

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เราไม่ได้นิ่งเฉย เราได้เข้าไปบริเวณตึกถล่มทุกวัน รวมถึงเมื่อศพผู้เสียชีวิตไปถึงจังหวัดไหน สตง.จังหวัดนั้นต้องเข้าไปเป็นเจ้าภาพ ย้ำว่า หาก สตง.ตั้งคณะกรรมการสอบ สตง.เอง สตง.ก็จะไม่ผิด ฉะนั้นจึงต้องให้คนนอกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าใครที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องงานก่อสร้างเราต้องเดินหน้าต่อ แต่ก็เห็นว่าจะทำตึกสูงเหมือนเดิมไม่ได้ และเราได้เช่าที่รถไฟบริเวณด้านหน้าเพิ่มอีก 4 ไร่ เราจึงจำเป็นที่จะต้องแก้แบบให้เป็นแบบแนวราบ กว้าง 50 ตารางวา ยาว 100 ตารางวา เอาทุกอย่างให้ไม่ต้องทันสมัย แอร์ก็ติดผนังธรรมดาเวลาเสียจะได้ไม่ต้องซ่อมยาก แล้วค่อยใส่ความทันสมัยในเทคโนโลยีเวลาทำงาน งบประมาณในการก่อสร้างคงจะไม่ถึง 2,000 ล้านบาท และจะไม่สร้างทับ บริเวณที่ตึกถล่ม จะขยับมาข้างหน้า รวมถึงจะใช้งบประมาณที่เหลือในการก่อสร้างต่อ

ส่วนเรื่องเหล็กที่มีปัญหานั้น ตัวแทน สตง. กล่าวว่าเรากำหนดมาตรฐานของเหล็กไว้คือต้องได้ มอก.หรือเหล็กตัวที ที่ปรากฏไว้ใน มอก. เรารู้แค่นี้ เราไม่ใช่วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เราเป็นนักกฎหมาย เราเป็น สตง.ที่ดูตามเอกสารว่าต้องมีการพิจารณาอย่างไร และมีการยืนยันว่าเหล็กตัวทีสามารถใช้ได้ แต่มีข้อสังเกตสองอย่างคือ เมื่อเป็นเหล็กตัวทีเขาไม่อยากให้เชื่อมให้ใช้ข้อต่อเชิงกล และมีการทดสอบดัดโครงแล้ว เช่นเดียวกับเรื่องของคอนกรีตที่มีการกำหนดมาตรฐานไว้และมีการทดสอบทางโครงสร้างปรากฏว่าค่าอยู่ที่ 400 กว่า มากกว่ามาตรฐานที่เราต้องกว่า

ด้านนายสุทธิพงษ์ กล่าวเสริมว่า หากอยากตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับปูน ก็สามารถตรวจสอบได้ไม่ยากเพราะเรามีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับปูนแค่สองบริษัท การจะบอกว่าตึกเราเพิ่งเซ็ตตัวนั้นไม่ใช่เพราะตึกตั้งสง่ามา 4 ปีแล้ว.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย