สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ 22 พ.ค.- ผู้บริหารของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยัน การยกเลิกสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ จะไม่ส่งผลกระทบกับสหกรณ์จุฬาฯ เนื่องจากมีที่ดินค้ำประกัน และยังคงมีสินทรัพย์จำนวนมาก
นายจุมพล พลูภัทรชีวิน ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวเรื่องความมั่นคงของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัดและชี้แจงสถานการณ์ของสหกรณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารกิจการ และลดผลกระทบต่อการดำเนินงานสหกรณ์ฯ หลังกรณีที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการสั่งยกเลิกสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการชำระบัญชีตามพ.ร.บ.สหกรณ์ว่า กรณีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ เนื่องจากสหกรณ์จุฬาฯ มีการฝากเงินกับสหกรณ์ดังกล่าว วงเงิน 915 ล้านบาท มาตั้งแต่ปี 2555 โดยเป็นการฝากเงินมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นโฉนดที่ดินจำนวน 218 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินราคา รวมถึงได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับสหกรณ์ฯดังกล่าวแล้ว เนื่องจากมีการผิดนัดการจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยมาก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันเมื่อดูผลประกอบการของสหกรณ์จุฬาฯ ณ วันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา มีสินทรัพย์รวมกว่า 4 หมื่น 2 พันล้านบาท มีเงินรับฝากจากสมาชิกกว่า 1 หมื่น 4 พันล้านบาท และมีกำไร 366 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวกระทบกับสหกรณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงอยากให้สมาชิกมั่นใจว่า ขณะนี้สหกรณ์จุฬาฯยังคงมีความมั่นคงอยู่ และจะไม่มีผลกระทบกับสมาชิกอย่างแน่นอน สมาชิกไม่ต้องกังวล
ด้านนายวิเชษฐ์ วิริยะพาหะ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ระบุว่า สาเหตุที่ต้องสั่งยกเลิกสหกรณ์ เนื่องจากจะสามารถจัดการได้ง่ายและรวดเร็วกว่า เพราะมีการตรวจสอบสหกรณ์เคหสถานนพเก้าดังกล่าวมาโดยตลอด และทางกรมฯจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยตรวจสอบสหกรณ์จุฬาฯทั้งระบบ เพื่อให้สมาชิกสบายใจขึ้น ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น หากราคาประเมินที่ดิน 218 ไร่ มีมูลค่าไม่ถึง 915 ล้านบาทนั้น ทางคณะกรรมการสหกรณ์จุฬาฯชุดเก่า ที่นำเงินไปฝากกับสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับการยกเลิกสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ ในครั้งนี้ เกิดจากการที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ตรวจพบว่า สหกรณ์ดังกล่าวได้นำเงินของสมาชิกไปลงทุนก่อสร้างบ้านจัดสรรที่ จ.มหาสารคาม เพื่อขายให้บุคคลภายนอก ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อบังคับของสหกรณ์ฯ และไม่เป็นธุรกิจที่ทำกับสมาชิก อีกทั้งยังไม่อาจดำเนินกิจการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้ และไม่แก้ไขข้อบกพร่องให้แล้วเสร็จ ไม่สามารถปิดบัญชีได้ และไม่จัดประชุมใหญ่ นายทะเบียนสหกรณ์จึงได้สั่งยกเลิกสหกรณ์ดังกล่าวในที่สุด
จากกรณีการยกเลิกสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ นอกจากสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯที่ได้รับความเสียหายเเล้ว ยังมีอีก 2 สหกรณ์ได้รับเดือดร้อน คือ ชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทย จำกัด วงเงิน 4,485 ล้านบาท และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนนทบุรี จำกัด 113 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย