ไทย-ญี่ปุ่น​สร้าง​ศูนย์​เรียนรู้กาแฟพิเศษที่สหกรณ์​ดอยสะเก็ด

เชียงใหม่​ 10 ก.​พ. – กรมส่งเสริมสหกรณ์จับมือไจก้า พร้อมผนึก​กำลัง​พันธมิตรเครือข่าย ยกระดับสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด สู่ศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษ


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน “เปิดบ้านดอยสะเก็ด…ศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษสหกรณ์” ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าและพัฒนาตลาดสินค้ากาแฟอาราบิก้า ตามความร่วมมือ ไทย – ญี่ปุ่น เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนากาแฟพิเศษให้แก่เกษตรกร สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ และประชาชนทั่วไป พร้อมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างสหกรณ์และพันธมิตรภาคเอกชนและภาคสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพกาแฟและขยายองค์ความรู้ร่วมกัน โดยมี Mr.Suzuki Kazuya ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) Mr.Shinsaku Kuramochi ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นด้านการพัฒนาคุณภาพกาแฟ และผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วม ณ สหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

โอกาสนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้กล่าวขอบคุณไจก้า ประเทศญี่ปุ่น และพันธมิตรทั้งจากภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และภาคสหกรณ์เครือข่ายที่ได้สนับสนุนการดำเนินงานของโครงการ และได้แสดงความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษของสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรสมาชิก ยกระดับการผลิตและแปรรูป ตลอดจนร่วมกันพัฒนาตลาด โดยที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนองค์ความรู้ในการฝึกอบรม สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ในการแปรรูปเครื่องคั่วกาแฟ รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ซึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรทุกฝ่ายจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่กาแฟของขบวนการสหกรณ์ ยกระดับรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร อีกทั้งยังสร้างสมดุล ระหว่างผืนป่ากับชุมชนได้อย่างยั่งยืน


Mr.Suzuki Kazuya ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) กล่าวว่า ตนมาประเทศไทยและทำงานที่ไจก้าประเทศไทยเมื่อ 18 ปีก่อน รู้สึกดีใจที่ได้ทำงานกับกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาคุณภาพกาแฟดอยสะเก็ดและศักยภาพสหกรณ์ ซึ่งโครงการนี้ไจก้าได้เชิญเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ผู้บริหาร เกษตรกร ไปศึกษาดูงานในอุตสาหกรรมกาแฟและการบริหารงานสหกรณ์ที่ญี่ปุ่นไจก้าได้ส่งผู้เชี่ยวชาญและอาสาสมัครเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพื่อปรับปรุงเทคนิคการปลูกกาแฟและแนะนำด้านการตลาดการร่วมมือทำงานด้วยกันระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดอยสะเก็ด เกษตกรผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น ทำให้โครงการได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาการมีส่วนร่วมภาครัฐโครงการประสบความสำเร็จและได้ขยายผลไปจังหวัดน่าน แม่ฮ่องสอน โดยความร่วมมือทำงานอย่างใกล้ชิดโดย กรมส่งเสริมสหกรณ์ เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัด สหกรณ์ดอยสะเก็ด ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เกี่ยวข้อง ส่งผลให้มีการยกระดับคุณภาพกาแฟของสหกรณ์เป็นกาแฟพิเศษ และได้เปิดศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษ และขอแสดงความยินดีและขอบคุณที่สนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ใน 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จมากมายร่วมกันโดยผ่านการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญและการทดลองร่วมกันอย่างแข็งขันเพื่อปรับปรุงคุณภาพกาแฟเพื่อให้ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการผลิตกาแฟคุณภาพเพื่อให้ทุกคนพึงพอใจ และหวังว่ากาแฟจากสหกรณ์ดอยสะเก็ดจะวางจำหน่ายในญี่ปุ่นในอนาคตอันเป็นผลจากความร่วมมือของเรา ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความร่วมมือ และหวังว่าธุรกิจกาแฟสหกรณ์ดอยสะเก็ดจะเติบโตก้าวหน้าต่อไปในอนาคต

ทางด้าน Mr.Shinsaku Kuramochi ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นด้านการแปรรูปกาแฟจากไจก้า เปิดเผยว่า ตนเองได้คลุกคลีอยู่ในวงการกาแฟในกว่า 10 ประเทศ และภูมิภาค โดยตนได้มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในสองฤดูกาลเก็บเกี่ยว ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง ซึ่งระหว่างนั้นได้มีโอกาสในการทำงานกับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด และผู้คนมากมายเกี่ยวกับ “คุณภาพกาแฟ” ซึ่งกาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่มที่ประหลาดและน่าหลงไหล สร้างความสนุกและความสุขที่ข้ามพรมแดนของประเทศและภูมิภาค และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จะมีบทบาทในการช่วยเหลือเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร ผู้ซื้อผู้ชงกาแฟ และผู้คนทุกประเภท ที่ข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ เพื่อเรียนรู้ภาษากลางของ “กาแฟพิเศษ” และแบ่งปันประสบการณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าของกาแฟ ซึ่งตนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ผลสำเร็จจากโครงการความร่วมมือ ไทย – ญี่ปุ่น ระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) “โครงการการจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการพัฒนาฐานชุมชนสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน (กาแฟอาราบิกา)” ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ด้านการเชื่อมโยงท้องถิ่นสู่ท้องถิ่น (Local to Local Linkage) โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์และ JICA ได้ดำเนินการพัฒนาคุณภาพกาแฟของสหกรณ์เป้าหมาย คือสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อยกระดับคุณภาพกาแฟของสหกรณ์สู่กาแฟพิเศษ โดยกาแฟพิเศษของสหกรณ์ได้คว้ารางวัลอันดับที่ 3 จากการประกวดโครงการสุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2565 (Thai Coffee Excellence 2022)


ศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษของสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด เป็นศูนย์เรียนรู้ที่แตกต่างจากศูนย์เรียนรู้กาแฟทั่วไป โดยมุ่งเน้นที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพผลผลิตตั้งแต่ต้นทาง คือ ตั้งแต่ระดับเกษตรกร ระดับสหกรณ์ไปจนถึงประชาชนทั่วไป โดยหลักสูตรที่จะเปิดสอนที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ มีตั้งแต่ความรู้เบื้องต้นด้านกาแฟหลักสูตรการบริหารจัดการแปลง หลักสูตรการแปรรูป หลักสูตรการคั่ว ไปจนถึงการสอนด้านการประเมินคุณภาพกาแฟ หรือคัพปิ้งในระดับมืออาชีพ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์คาดหวังให้ศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษแห่งนี้ เป็นต้นแบบในการผลิตกาแฟคุณภาพให้แก่ขบวนการสหกรณ์ และเป็นศูนย์กลางในการขยายองค์ความรู้ไปสู่สหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟอื่นๆ เพื่อขยายผลความรู้ไปสู่สมาชิกเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟในจังหวัดต่างๆ เพิ่มศักยภาพกาแฟของสหกรณ์เข้าสู่มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาด และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ให้ดียิ่งขึ้น

ที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์และ JICA ไจก้าประเทศญี่ปุ่น ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือตั้งแต่ปี 2562 โดยทางไจก้าได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นมาร่วมพัฒนาคุณภาพกาแฟของสหกรณ์ โดยได้ส่ง Mr.Shinsaku Kuramochi ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นด้านการพัฒนาคุณภาพกาแฟเข้ามาช่วยพัฒนากาแฟของสหกรณ์ ยกระดับการแปรรูปด้วยเทคนิคพิเศษต่างๆ พัฒนาการควบคุมคุณภาพ รวมถึงขยายองค์ความรู้ไปสู่สหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟต่าง ๆ ในภาคเหนือ เช่น สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟในจังหวัดน่านและจังหวัดแม่ฮ่องสอน นอกจากนี้ ยังได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเพิ่มทักษะให้กับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จนได้รับการพัฒนาให้เป็น Q-Grader ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังเกษตรกรและสหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟอื่นๆ จนนำมาสู่การยกระดับสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด ให้เป็น “ศูนย์เรียนรู้กาแฟพิเศษของสหกรณ์”.- 512 – สำนักข่าว​ไทย​

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย