ชัวร์ก่อนแชร์: นักวิจัยชี้ชาวญี่ปุ่นตายจากมะเร็งมากขึ้นเพราะวัคซีน mRNA จริงหรือ?
ผู้วิจัยไม่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิต จึงไม่สามารถระบุได้ว่าการตายจากมะเร็งที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะวัคซีนหรือไม่
ผู้วิจัยไม่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิต จึงไม่สามารถระบุได้ว่าการตายจากมะเร็งที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะวัคซีนหรือไม่
เป็นข่าวปลอมที่เผยแพร่โดยเว็บไซต์ที่มีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แม้ญี่ปุ่นจะยกเลิกบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ฟรีแก่ประชาชน แต่แนะนำให้วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนที่ควรฉีดตามฤดูกาล
09 พฤษภาคม 2567แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ก่อนหน้าที่ สตู ปีเตอร์ส นักจัดรายการผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง จะโด่งดังกับสารคดีต่อต้านวัคซีนโควิด-19 ทั้ง Died Suddenly และ Final Days ช่วงกลางปี 2022 เขาได้นำเสนอสารคดีความยาว 45 นาทีเรื่อง Watch the Water เนื้อหาเป็นการสัมภาษณ์ ไบรอัน อาร์ดิส อดีตแพทย์ด้านการบำบัดโรคด้วยการจับกระดูกสันหลัง ผู้มีประวัติสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ยาต้านไวรัส Remdesivir รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทฤษฎีที่ ไบรอัน อาร์ดิส ชักจูงให้ผู้ชมคล้อยตามใน Watch the Water คือการอ้างว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นผลจากแผนอันชั่วร้ายที่เรียกว่า Plandemic จากการร่วมมือระหว่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) และคริสตจักรโรมันคาทอลิก โดยอ้างว่าไวรัสโควิด-19 แท้จริงแล้วเกิดมาจากพิษของงู, ยาต้านไวรัส Remdesivir มีส่วนประกอบของพิษงู และมีแผนแพร่เชื้อโควิด-19 ผ่านทางแหล่งน้ำอีกด้วย […]
29 เมษายน 2567แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ความโด่งดังของ Died Suddenly ส่งผลให้ สตู ปีเตอร์ส กลับมาผลิตสารคดีโจมตีวัคซีนโควิด-19 อีกครั้งในปี 2023 ในชื่อตอนว่า Final Days บุคคลที่ สตู ปีเตอร์ส เลือกมาโจมตีวัคซีนโควิด-19 ใน Final Days ได้แก่ คาเรน คิงสตัน อดีตพนักงานของบริษัท Pfizer ที่อ้างว่านำความลับเบื้องหลังการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Pfizer มาเปิดเผยต่อสังคม ข้อมูลเท็จที่ คาเรน คิงสตัน อ้างไว้ใน Final Days มีตั้งแต่การอ้างว่า การระบาดของโควิด-19 เป็นสิ่งที่เตรียมการไว้แล้ว สาเหตุการระบาดไม่ได้เกิดจากไวรัส แต่เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เรียกว่า Lipid Nanoparticles ที่จงใจเผยแพร่ไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการระบาดและทำให้วัคซีนเป็นที่ต้องการไปทั่วโลก ส่วนวัคซีนก็ไม่ใช่ยาที่ผลิตเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่เป็นอาวุธชีวภาพที่ใช้เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นมนุษย์ดัดแปลงหรือ Humanoid […]
27 เมษายน 2567แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล หนึ่งในสารคดีที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด ได้แก่ Died Suddenly สารคดีความยาว 69 นาที ผลงานของ สตู ปีเตอร์ส พิธีกรชาวอเมริกันผู้สร้างชื่อจากการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด เนื้อหาใน Died Suddenly พยายามอ้างว่า หลังการรณรงค์วัคซีนโควิด-19 พบผู้เสียชีวิตอย่างเฉียบพลันมากขึ้น (Died Suddenly) จึงพยายามเชื่อมโยงว่า สาเหตุมาจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในร่างกายของผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 สตู ปีเตอร์ส เริ่มเข้าสู่วงการในฐานะนักร้องเพลงแร็ปและนักล่าเงินรางวัล ก่อนจะผันตัวมาจัดรายการพอดแคสต์ของตัวเองในชื่อ The Stew Peters Show เมื่อปี 2020 โดยเนื้อหาเน้นเผยแพร่แนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ทั้งการเชิดชูคนผิวขาว เหยียดหยามผู้มีความหลากหลายทางเพศ เหยียดคนเชื้อชาติยิว ไม่ยอมรับการมีอยู่ของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จน Spotify and iHeartRadio เคยลบเนื้อหาบางตอนของ The Stew Peters […]
26 เมษายน 2567แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ผ่านไป 3 ปีจากภาคก่อน มิกกี วิลลิส กลับมาอีกครั้งในสารคดีตอนใหม่ชื่อ Plandemic 3 : The Great Awakening ผลงานจากการร่วมมือกับ เดล บิ๊กทรี เจ้าของเว็บไซต์ต่อต้านวัคซีน โดยเผยแพร่ทางเว็บไซต์ The Highwire เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2023 โดยเว็บไซต์ Logically รายงานว่าตัวอย่างสารคดีทำยอดรับชมทาง X (Twitter) กว่า 2 ล้านครั้งในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว เนื้อหาความยาว 1 ชั่วโมง 40 นาทีใน Plandemic 3 มีการนำแนวคิดของ จอร์จ เอ็ดเวิร์ด กริฟฟิน นักทฤษฎีสมคบคิดชื่อดังชาวอเมริกามาใช้ตลอดทั้งเรื่อง โดยอ้างถึงแผนเปลี่ยนแปลงสังคมผ่านการแทรกแซงโดยรัฐบาล The Great Reset […]
23 เมษายน 2567แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ความอื้อฉาวของ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 ทำให้ มิกกี วิลลิส เดินหน้าผลิตผลงานภาคต่อในรูปแบบสารคดีขนาดยาวในชื่อ Plandemic : Indoctornation เพื่อเผยแพร่ในอีก 4 เดือนต่อมา มิกกี วิลลิส อ้างว่าผลงานสารคดีความยาว 84 นาทีชิ้นนี้ เปรียบเสมือนผลงานฉบับเต็มของ Plandemic 1 เนื่องจากมีเนื้อหาที่เจาะลึกยิ่งกว่าเดิม จุดประสงค์เพื่อตอบโต้สื่อมวลชนและ Fact Checker ที่จับผิดผลงานก่อนหน้านี้ของเขา แต่การที่ผู้สร้าง Plandemic 2 ประกาศวันเผยแพร่ผลงานอย่างชัดเจนในวันที่ 18 สิงหาคม 2020 ส่งผลให้สำนักข่าวและแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ มีเวลาวางแผนรับมือมากกว่า Plandemic 1 ทำให้ผลกระทบจากการเผยแพร่ Plandemic 2 น้อยกว่าสารคดีฉาวเรื่องก่อนอย่างมาก […]
20 เมษายน 2567แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล เมื่อปี 2020 ขณะที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก เกิดปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ที่มีการแชร์คลิปและข้อมูลจากสารคดีขนาดสั้นเรื่อง Plandemic กันอย่างแพร่หลาย แต่กลายเป็นว่า เนื้อหาเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 และการโจมตีนโยบายรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างไม่ถูกต้อง กลายเป็นต้นทางแห่งความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงเผยแพร่ทางโลกไซเบอร์จนถึงทุกวันนี้ Plandemic เป็นชุดสารคดีไตรภาคที่พยายามอ้างว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่มีการวางแผนล่วงหน้า โดยสารคดีตัวปฐมบทได้แก่ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 สารคดีความยาว 26 นาที เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2020 รูปแบบของ Plandemic 1 เน้นเนื้อหาจากบทสัมภาษณ์ระหว่าง มิกกี วิลลิส อดีตนายแบบและนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักสร้างสารคดีแนวทฤษฎีสมคบคิด และ จูดี ไมโควิตส์ นักวิจัยผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน Fact Checker หลายสำนักได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำกล่าวอ้างของ จูดี ไมโควิตส์ ในหลายประเด็น […]
เป็นข้ออ้างผิด ๆ จากแพทย์ผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน ผ่านการนำเสนองานวิจัยที่เต็มไปด้วยจุดบกพร่องและการบิดเบือน
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนลงความเห็นว่า อาการเรื้อรังที่เกิดกับผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 มีความคล้ายคลึงกับลองโควิดอย่างมาก มีการศึกษาอาการข้างเคียงแบบเดียวกันในกลุ่มผู้ฉีดวัตซีนและผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งผู้ติดเชื้อมีโอกาสเกิดโรคสูงกว่า
ไวรัสที่ใช้ทดลองเป็นไวรัสโคโรนาจากตัวนิ่มที่กลายพันธุ์ ไม่ใช่การสร้างไวรัสโควิด-19 ขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด สาเหตุที่หนูติดเชื้อรุนแรง เพราะมีการตัดต่อพันธุกรรมให้หนูมีเอนไซม์ ACE2 สำหรับรับเชื้อไวรัสเหมือนมนุษย์ในปริมาณมาก
อาการที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่ได้รับการยืนยันมานานแล้ว ซึ่งสามารถพบในผู้ป่วยโควิด-19 เช่นกัน และยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่า