ชัวร์ก่อนแชร์: นักวิจัยชี้ชาวญี่ปุ่นตายจากมะเร็งมากขึ้นเพราะวัคซีน mRNA จริงหรือ?

22 พฤษภาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่สื่อสังคมออนไลน์ในหลายประเทศ โดยกล่าวหาว่าวัคซีน mRNA คือสาเหตุของการป่วยเป็นมะเร็ง หลังมีงานวิจัยที่พบการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นในประเทศญี่ปุ่น หลังการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3


บทสรุป :

  1. เป็นการอ้างงานวิจัยที่มีหนึ่งในทีมงานเป็นผู้ต่อต้านวัคซีน และเผยแพร่ผ่านวารสารที่มีปัญหาด้านการควบคุมคุณภาพงานวิจัย
  2. ผู้วิจัยไม่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิต จึงไม่สามารถระบุได้ว่าการตายจากมะเร็งที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะวัคซีนหรือไม่
  3. ปัจจัยที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้น เป็นเพราะการตรวจคัดกรองมะเร็งกลับมาปกติหลังหยุดไปในช่วงล็อกดาวน์
  4. อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่กลางยุค 2000’s ปัจจัยจากการขยายตัวของสังคมสูงวัย จึงพบผู้ป่วยมะเร็งมากขึ้น

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

งานวิจัยอื้อฉาว


งานวิจัยที่กลายเป็นประเด็นโต้เถียงมีชื่อว่า Increased Age-Adjusted Cancer Mortality After the Third mRNA-Lipid Nanoparticle Vaccine Dose During the COVID-19 Pandemic in Japan โดย มิกิ จิโบ และคณะ ตีพิมพ์ทางวารสารการแพทย์ Cureus เมื่อเดือนเมษายน 2024

โดยทีมวิจัยสรุปว่า มีความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เข็มที่ 3 ในประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลดังกล่าว ถูกผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนนำไปแชร์ทางโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย ทั้ง อเล็กซ์ โจนส์ ผู้เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด และ ปีเตอร์ แม็คคัลลาห์ แพทย์โรคหลอดเลือดหัวใจและมีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน โดยเน้นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเข็มของวัคซีนโควิด-19 ทั้ง มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งเต้านม รวมถึงภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองและหัวใจตีบ ลิ่มเลือดอุดตัน และปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบโดย Fact Checker และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายรายต่างยืนยันว่า ข้ออ้างเกี่ยวกับอันตรายจากวัคซีน mRNA มาจากการตีความงานวิจัยที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากงานวิจัยไม่ได้ออกแบบมาเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA

ประวัติต่อต้านวัคซีนในสมาชิกทีมวิจัย

จากการตรวจสอบพบว่า หนึ่งในทีมวิจัยได้แก่ มาซาโนริ ฟูกูชิมะ แพทย์ชาวญี่ปุ่นผู้มีประวัติโจมตีวัคซีนโควิด-19 ด้วยข้อมูลเท็จ จน ทาโร โคโนะ อดีตหัวหน้าคณะกรรมการกำหนดนโยบายวัคซีนแห่งชาติญี่ปุ่น เคยประณามผ่านทาง X(Twitter) ว่าเขาคือ “ผู้ปลุกปั่นความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีน”

วีรกรรมของ มาซาโนริ ฟูกูชิมะ คือการเรียกร้องเมื่อช่วงต้นปี 2023 ให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 หลังพบอัตราการตายส่วนเกินในประเทศมากผิดปกติ แต่ภายหลังมีการยืนยันจากหน่วยงานสาธารณสุขของญี่ปุ่นว่า ไม่พบว่าการเสียชีวิตมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัคซีน ส่วนข่าวลือที่อ้างว่ารัฐบาลญี่ปุ่นทำการสอบสวนความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

วารสารการแพทย์เจ้าปัญหา

แม้จะเป็นวารสารการแพทย์ที่ตีพิมพ์งานวิจัยที่ผ่านการ Peer-Reviewed หรือการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการแล้ว แต่ Cureus ถือเป็นวารสารการแพทย์ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือในงานวิจัยที่ตีพิมพ์บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นวารสารที่เน้นความเร็วในการตีพิมพ์งานวิจัย โดยพบว่ามีเวลาตรวจสอบงานวิจัยก่อนการตีพิมพ์ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าวารสารวิชาการอื่น ๆ อย่างมาก

วารสารยังมีนโนบาย Post-Publication Peer Review หรือการตีพิมพ์งานวิจัยก่อน แล้วให้ผู้คนในแวดวงวิทยาศาสตร์ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องหลังการตีพิมพ์ทีหลัง

กระบวนการดังกล่าว ส่งผลในงานวิจัยของ Cureus ถูกถอนการตีพิมพ์บ่อยครั้ง โดยเดือนมกราคม 2024 มีงานวิจัยของ Cureus ถึง 56 ชิ้นที่ถูกถอดถอนหลังการตีพิมพ์

นอกจากนี้ Cureus ยังถูกโจมตีเรื่องการนำงานวิจัยที่ถูกถอดถอนการตีพิมพ์จากวารสารอื่นมาตีพิมพ์ในวารสารของตนเอง แม้จะเป็นงานวิจัยที่ถูกกล่าวหาเรื่องการละเมิดจริยธรรมทางการแพทย์และสิทธิมนุษยชนก็ตาม

งานวิจัยไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับมะเร็ง

สาเหตุที่งานวิจัยของ มิกิ จิโบ และคณะ ไม่สามารถใช้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งได้ เนื่องจากเป็นการนำเสนอข้อมูลสถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) ไม่ได้มีการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันผลลัพธ์แต่อย่างใด

ในงานวิจัยมีการนำเสนอข้อมูลเส้นกราฟที่พบการเพิ่มขึ้นของยอดผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในช่วงเดียวกับที่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ตรงกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นจึงไม่อาจสรุปได้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง มาจากวัคซีนหรือจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น

ไม่มีการแบ่งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม

การจะยืนยันได้ว่า การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นมาจากวัคซีนหรือไม่ จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยการแบ่งกลุ่มตัวอย่าง เป็นกลุ่มทดลอง (จำนวนผู้เสียชีวิตที่ฉีดวัคซีน) และกลุ่มควบคุม (จำนวนผู้เสียชีวิตที่ไม่ฉีดวัคซีน) จึงสามารถเปรียบเทียบได้ว่า การเสียชีวิตเกิดขึ้นกับกลุ่มใดมากกว่ากัน

อย่างไรก็ดี งานวิจัยของ มิกิ จิโบ และคณะ ไม่มีการระบุสถานะการฉีดวัคซีน เท่ากับว่าเป็นงานวิจัยที่มีการแบ่งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมตั้งแต่แรก จึงไม่อาจสรุปได้ว่า ผู้เสียชีวิตจากมะเร็งมีสาเหตุจากการฉีดวัคซีนหรือไม่

ชาวญี่ปุ่นฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียง 2 ใน 3

ข้อมูลเมื่อเดือนเมษายนของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า มีชาวญี่ปุ่นฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็มประมาณ 80.4% ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มประมาณ 79.5% และมีสัดส่วนประชากรฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มเพียง 67% ดังนั้นจึงมีประชากรญี่ปุ่นอีกถึง 1 ใน 3 ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่อ้างว่าเกิดจากวัคซีน จึงอาจไม่เกี่ยวกับประชากรกลุ่มดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย

ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี

ขณะที่ มิกิ จิโบ และคณะ เน้นจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในช่วงปี 2020-2022 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างแพร่หลาย

แต่หากย้อนไปก่อนหน้านั้น การเสียชีวิตจากมะเร็งในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 1995-2014 ก่อนจะกลับมาเพิ่มอีกครั้งในปี 2019 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการผลิตวัคซีนโควิด-19

นอกจากนี้ มะเร็งยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1981 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด

ซึ่งการวิจัยเมื่อปี 2023 ประเมินว่า อัตราการป่วยด้วยโรคมะเร็งของชาวญี่ปุ่นระหว่างปี 2020-2050 จะเพิ่มขึ้นเป็น 13.1%

ส่วนปัจจัยที่ทำให้พบชาวญี่ปุ่นป่วยเป็นมะเร็งมากขึ้นทุกปี มาจากการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุ

มาร์ค เฟลด์โฮน ศาสตราจารย์ด้านระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ศึกษาสถานการณ์โรคมะเร็งในประเทศญี่ปุ่น อธิบายว่า ปัจจุบัน 30% ของประชากรชาวญี่ปุ่นมีอายุมากกว่า 65 ปี และ 10% มีอายุมากกว่า 80 ปี ซึ่งอัตราการพบโรคมะเร็งจะแปรผันตามอายุที่มากขึ้น การพบผู้ป่วยโรคมะเร็งในสังคมญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินคาด

ข้อจำกัดของงานวิจัย

มิกิ จิโบ และคณะ ยังได้ระบุถึงข้อจำกัดของงานวิจัย จากการรวบรวมข้อมูลสถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) ซึ่งรวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แห่ง โดยยังไม่ผ่านกระบวนการพิสูจน์ผลในห้องปฏิบัติการ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาในรูปแบบสถิติเชิงวิเคราะห์ (Analytical Statistics) โดยระบุสถานะการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรในอนาคต

นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ของวารสาร Cureus ยังมีแพทย์และนักวิจัยเข้ามาแสดงความเห็นต่อผลงานของมิกิ จิโบ และคณะอย่างหลากหลาย ทั้งรายที่สนับสนุนความพยายามของทีมวิจัย รายที่พบจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไข และรายที่ไม่เห็นว่างานวิจัยให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อวงการสาธารณสุขแต่อย่างใด

ไม่พบหลักฐานว่าวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุของโรคมะเร็ง

มารี ฟอน ลิเลียนเฟลด์-โทล สมาชิกของสมาคมโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยาแห่งชาติเยอรมนี (German Society for Hematology and Medical Oncology : DGHO) ยืนยันว่า ที่ผ่านมายังไม่พบหลักฐานว่า วัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุทำให้มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งมากขึ้นหรือกระตุ้นให้มะเร็งกลับมากำเริบ นอกจากนี้ผู้ป่วยมะเร็งยังมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนอย่างยิ่ง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://dpa-factchecking.com/luxembourg/240426-99-821706/
https://www.techarp.com/science/japan-mrna-cancer-deaths-facts/
https://leadstories.com/hoax-alert/2024/04/fact-check-japan-declares-emergency-over-explosion-of-mrna-cancers.html
https://www.cureus.com/articles/196275-increased-age-adjusted-cancer-mortality-after-the-third-mrna-lipid-nanoparticle-vaccine-dose-during-the-covid-19-pandemic-in-japan#!/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]