ชัวร์ก่อนแชร์: Turbo Cancer ในวัคซีนโควิดทำให้คนป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 14,000% จริงหรือ?

25 พฤษภาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ประกาศเตือนภัยปรากฏการณ์ Turbo Cancer จากวัคซีนโควิด-19 หลังพบผู้รับวัคซีนป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 14,000%


บทสรุป :

  1. Turbo Cancer ไม่มีจริง
  2. ตัวเลข 14,000% นำมาจากรายงานที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบว่าวัคซีนคือสาเหตุของโรคหรือไม่
  3. FDA ไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งจากวัคซีนโควิด-19

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้อมูลที่ถูกแชร์ทางสื่อสังคมออนไลน์ มีต้นทางมาจากเว็บไซต์ The People’s Voice และ The Exposé ซึ่งมีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง


Turbo Cancer ไม่มีจริง

Turbo Cancer คือสิ่งที่กลุ่มต่อต้านวัคซีนอ้างว่าเป็นอาการที่จะเกิดกับผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ที่จะทำให้ป่วยเป็นมะเร็งง่ายขึ้นและภูมิต้านทานต่อมะเร็งลดลง

หนึ่งในผู้เผยแพร่แนวคิด Turbo Cancer ได้แก่ อูเต ครูเกอร์ นักพยาธิวิทยาชาวสวีเดน

อูเต ครูเกอร์ อ้างว่า แต่เดิมเธอเคยเชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่เพิ่มขึ้นมาจากการตรวจคัดกรองมะเร็งที่ลดลงในช่วงล็อกดาวน์ แต่เมื่อการล็อกดาวน์สิ้นสุดลงแล้ว แต่จำนวนผู้ป่วยมะเร็งกลับยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอายุน้อย เธอจึงทำเรื่องไปถึงองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ซึ่งเธออ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงสัญญาว่าจะนัดหารือกับเธอ แต่สุดท้ายการประชุมพูดคุยต้องถูกยกเลิกกะทันหัน และขอรับรายงานผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์เท่านั้น

ผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การขยายตัวของผู้ป่วยมะเร็ง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลายปี

องค์การอนามัยโลก (WHO) พบการขยายตัวของผู้ป่วยมะเร็งไปทั่วโลก สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัยและปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อมะเร็งมากขึ้น และพบผู้ป่วยที่มีอายุลดลงเรื่อย ๆ

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) คาดการณ์ว่า 2024 คือปีแรกที่สหรัฐอเมริกาจะตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ล้านรายต่อปี

นอกจากนี้ Turbo Cancer ก็ไม่ใช่สิ่งที่วงการแพทย์ให้การยอมรับ

จัสติน สเตบบิง ศาสตราจารย์อาคันตุกะ สาขาวิชามะเร็งวิทยา มหาวิทยาลัยอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน และบรรณาธิการวารสาร Oncogene ในเครือ Nature ยืนยันว่า ไม่เคยได้ยินคำว่า Turbo Cancer มาก่อน แม้มะเร็งบางชนิดจะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ปัจจัยขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและอายุของผู้ป่วย

มะเร็งเพิ่มขึ้น 14,000% ไม่เกี่ยวกับวัคซีน

ส่วนการอ้างว่า CDC พบการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งในผู้รับวัคซีนโควิด-19 ถึง 14,000% แท้จริงแล้ว เป็นข้อมูลที่นำมาจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) ซึ่งอยู่ในการดูแลของ CDC และเป็นรายงานเบื้องต้นซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบ จึงไม่อาจอ้างได้ว่าอาการไม่พึงประสงค์มีสาเหตุจากวัคซีนหรือไม่

จำนวน 14,000% ที่ The People’s Voice และ The Exposé กล่าวอ้าง ได้มาจากการนำจำนวนผู้ป่วยมะเร็งหลังจากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19 มาเปรียบเทียบกัน

โดยอ้างว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2021 ถึงวันที่ 29 มีนาคม 2024 มีประชากรวัยต่ำกว่า 30 ปีป่วยเป็นมะเร็งหลังจากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จำนวน 1 ราย แต่ช่วงเวลาเดียวกัน มีประชากรวัยต่ำกว่า 30 ปีป่วยเป็นมะเร็งหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 141 ราย เท่ากับเพิ่มขึ้นมาที่ 14,000%

การที่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนสูงกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ อย่างมาก เป็นเหตุให้มีการแจ้งเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 มากกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่นกัน

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า ข้อมูลจาก VAERS มีสัดส่วนของ Negative Control Events หรืออาการข้างเคียงที่มีความเป็นไปได้สูงว่าไม่มีความสัมพันธ์กับวัคซีน ถูกแจ้งโดยผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในจำนวนมากอีกด้วย

โดยข้อมูลจาก VAERS เมื่อปี 2021 พบว่า มีรายงานการปวดฟันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 97.2% ผมร่วงหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 กว่า 96.6% มีภาวะกลั้นน้ำปัสสาวะไม่อยู่หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ 95.8%
และมีการเอ็กซเรย์แขนขาหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ประมาณ 88.3%

การเปรียบเทียบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้คนหันมารายงานอาการข้างเคียงจากวัคซีนโควิด-19 สูงกว่าวัคซีนทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนโควิด-19 เป็นอันตรายมากกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ แต่อย่างใด

แดเนียล ซัลมอน ผู้อำนวยการสถาบัน Institute for Vaccine Safety มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ อธิบายว่า VAERS รวบรวมรายงานทุกชนิดและจากทุกคน ต่อให้สุนัขถูกรถชนหลังฉีดวัคซีน เจ้าของสุนัขก็สามารถรายงานกับทาง VAERS ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการฉีดวัคซีนคือสาเหตุทำให้สุนัขถูกรถชน

ไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งจากวัคซีนโควิด-19

ตัวแทนขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ยืนยันว่า หลังการตรวจสอบข้อมูลจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) อย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของการป่วยเป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ รวมถึงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.snopes.com/fact-check/cdc-turbo-cancer/
https://leadstories.com/hoax-alert/2023/08/fact-check-covid-19-vaccine-related-turbo-cancers-are-not-real-thus-not-contagious-or-behaving-like-a-bioweapon.html
https://healthfeedback.org/claimreview/covid-19-vaccines-dont-weaken-immune-system-lancet-study-misrepresented-tucker-carlson-hodgetwins/
https://factcheck.afp.com/doc.afp.com.34Q88NC

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]