ชัวร์ก่อนแชร์: Turbo Cancer ในวัคซีนโควิดทำให้คนป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 14,000% จริงหรือ?

25 พฤษภาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ประกาศเตือนภัยปรากฏการณ์ Turbo Cancer จากวัคซีนโควิด-19 หลังพบผู้รับวัคซีนป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 14,000%


บทสรุป :

  1. Turbo Cancer ไม่มีจริง
  2. ตัวเลข 14,000% นำมาจากรายงานที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบว่าวัคซีนคือสาเหตุของโรคหรือไม่
  3. FDA ไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งจากวัคซีนโควิด-19

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้อมูลที่ถูกแชร์ทางสื่อสังคมออนไลน์ มีต้นทางมาจากเว็บไซต์ The People’s Voice และ The Exposé ซึ่งมีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง


Turbo Cancer ไม่มีจริง

Turbo Cancer คือสิ่งที่กลุ่มต่อต้านวัคซีนอ้างว่าเป็นอาการที่จะเกิดกับผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ที่จะทำให้ป่วยเป็นมะเร็งง่ายขึ้นและภูมิต้านทานต่อมะเร็งลดลง

หนึ่งในผู้เผยแพร่แนวคิด Turbo Cancer ได้แก่ อูเต ครูเกอร์ นักพยาธิวิทยาชาวสวีเดน

อูเต ครูเกอร์ อ้างว่า แต่เดิมเธอเคยเชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่เพิ่มขึ้นมาจากการตรวจคัดกรองมะเร็งที่ลดลงในช่วงล็อกดาวน์ แต่เมื่อการล็อกดาวน์สิ้นสุดลงแล้ว แต่จำนวนผู้ป่วยมะเร็งกลับยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอายุน้อย เธอจึงทำเรื่องไปถึงองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ซึ่งเธออ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงสัญญาว่าจะนัดหารือกับเธอ แต่สุดท้ายการประชุมพูดคุยต้องถูกยกเลิกกะทันหัน และขอรับรายงานผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์เท่านั้น

ผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การขยายตัวของผู้ป่วยมะเร็ง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลายปี

องค์การอนามัยโลก (WHO) พบการขยายตัวของผู้ป่วยมะเร็งไปทั่วโลก สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัยและปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อมะเร็งมากขึ้น และพบผู้ป่วยที่มีอายุลดลงเรื่อย ๆ

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) คาดการณ์ว่า 2024 คือปีแรกที่สหรัฐอเมริกาจะตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ล้านรายต่อปี

นอกจากนี้ Turbo Cancer ก็ไม่ใช่สิ่งที่วงการแพทย์ให้การยอมรับ

จัสติน สเตบบิง ศาสตราจารย์อาคันตุกะ สาขาวิชามะเร็งวิทยา มหาวิทยาลัยอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน และบรรณาธิการวารสาร Oncogene ในเครือ Nature ยืนยันว่า ไม่เคยได้ยินคำว่า Turbo Cancer มาก่อน แม้มะเร็งบางชนิดจะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ปัจจัยขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและอายุของผู้ป่วย

มะเร็งเพิ่มขึ้น 14,000% ไม่เกี่ยวกับวัคซีน

ส่วนการอ้างว่า CDC พบการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งในผู้รับวัคซีนโควิด-19 ถึง 14,000% แท้จริงแล้ว เป็นข้อมูลที่นำมาจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) ซึ่งอยู่ในการดูแลของ CDC และเป็นรายงานเบื้องต้นซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบ จึงไม่อาจอ้างได้ว่าอาการไม่พึงประสงค์มีสาเหตุจากวัคซีนหรือไม่

จำนวน 14,000% ที่ The People’s Voice และ The Exposé กล่าวอ้าง ได้มาจากการนำจำนวนผู้ป่วยมะเร็งหลังจากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19 มาเปรียบเทียบกัน

โดยอ้างว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2021 ถึงวันที่ 29 มีนาคม 2024 มีประชากรวัยต่ำกว่า 30 ปีป่วยเป็นมะเร็งหลังจากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จำนวน 1 ราย แต่ช่วงเวลาเดียวกัน มีประชากรวัยต่ำกว่า 30 ปีป่วยเป็นมะเร็งหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 141 ราย เท่ากับเพิ่มขึ้นมาที่ 14,000%

การที่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนสูงกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ อย่างมาก เป็นเหตุให้มีการแจ้งเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 มากกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่นกัน

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า ข้อมูลจาก VAERS มีสัดส่วนของ Negative Control Events หรืออาการข้างเคียงที่มีความเป็นไปได้สูงว่าไม่มีความสัมพันธ์กับวัคซีน ถูกแจ้งโดยผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในจำนวนมากอีกด้วย

โดยข้อมูลจาก VAERS เมื่อปี 2021 พบว่า มีรายงานการปวดฟันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 97.2% ผมร่วงหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 กว่า 96.6% มีภาวะกลั้นน้ำปัสสาวะไม่อยู่หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ 95.8%
และมีการเอ็กซเรย์แขนขาหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ประมาณ 88.3%

การเปรียบเทียบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้คนหันมารายงานอาการข้างเคียงจากวัคซีนโควิด-19 สูงกว่าวัคซีนทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนโควิด-19 เป็นอันตรายมากกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ แต่อย่างใด

แดเนียล ซัลมอน ผู้อำนวยการสถาบัน Institute for Vaccine Safety มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ อธิบายว่า VAERS รวบรวมรายงานทุกชนิดและจากทุกคน ต่อให้สุนัขถูกรถชนหลังฉีดวัคซีน เจ้าของสุนัขก็สามารถรายงานกับทาง VAERS ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการฉีดวัคซีนคือสาเหตุทำให้สุนัขถูกรถชน

ไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งจากวัคซีนโควิด-19

ตัวแทนขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ยืนยันว่า หลังการตรวจสอบข้อมูลจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) อย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของการป่วยเป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ รวมถึงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.snopes.com/fact-check/cdc-turbo-cancer/
https://leadstories.com/hoax-alert/2023/08/fact-check-covid-19-vaccine-related-turbo-cancers-are-not-real-thus-not-contagious-or-behaving-like-a-bioweapon.html
https://healthfeedback.org/claimreview/covid-19-vaccines-dont-weaken-immune-system-lancet-study-misrepresented-tucker-carlson-hodgetwins/
https://factcheck.afp.com/doc.afp.com.34Q88NC

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย