ชัวร์ก่อนแชร์: Moderna ยอมรับ DNA ตกค้างในวัคซีน ก่อมะเร็ง Turbo Cancer จริงหรือ?

29 พฤษภาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อมีการอ้างว่า Moderna หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ยอมรับว่ามีส่วนประกอบของดีเอ็นเอตกค้าง (residual DNA) อยู่ในวัคซีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นตัวกระตุ้นการเกิดมะเร็งหรือ Turbo Cancer

บทสรุป :

1. Turbo Cancer ไม่มีจริง
2. เป็นคำกล่าวอ้างโดยนักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน
3. Moderna กังวลถึงผลกระทบของการใช้วัคซีน DNA ไม่ใช่วัคซีน mRNA
4. ไม่มีหลักฐานว่าดีเอ็นเอตกค้างจากชีววัตถุหรือวัคซีน mRNA เป็นอันตรายต่อร่างกาย

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้อมูลที่กล่าวอ้างทางโลกออนไลน์ นำมาจากรายงานของ People’s Voice เว็บไซต์ที่มีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

แหล่งข้อมูลที่ People’s Voice ใช้กล่าวอ้าง นำมาจากความเห็นของ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นักวิทยาศาสตร์ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี mRNA แต่ผันตัวมาเป็นผู้ต่อต้านวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในภายหลัง

ดร.โรเบิร์ต มาโลน ไปให้การต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ในงานการไต่สวนประเด็นความเจ็บป่วยที่เกิดจากวัคซีนโควิด-19 ดำเนินการไต่ส่วนโดย มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา พรรครีพับลิกัน ผู้มีประวัติเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

Moderna พูดถึงวัคซีน DNA ไม่ใช่วัคซีน mRNA

ข้อมูลที่ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นำมาใช้โจมตี Moderna คือข้อมูลการขอจดสิทธิบัตรวัคซีน RNA ในสหรัฐอเมริกาของบริษัท Moderna เมื่อเดือนสิงหาคม 2019

ดร.โรเบิร์ต มาโลน เน้นถึงเนื้อหาที่ Moderna แสดงความกังวลถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Insertional Mutagenesis ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ DNA จากวัคซีนเข้าไปรวมตัวกับจีโนมของผู้รับวัคซีน ซึ่งทางทฤษฎีเชื่อว่าอาจกระตุ้นยีนที่ก่อมะเร็งและขัดขวางการทำงานของยีนที่ยับยั้งการเกิดมะเร็ง

อย่างไรก็ดี เนื้อหาที่ Moderna พูดถึง Insertional Mutagenesis เป็นส่วนที่กล่าวถึงวัคซีน DNA ซึ่งมีกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันที่แตกต่างจากวัคซีน mRNA

ขณะที่วัคซีน mRNA สามารถสร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยไม่จำเป็นต้องส่งสารพันธุกรรมเข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์ แต่วัคซีน DNA จำเป็นต้องส่งสารพันธุกรรมเข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์ เพื่อเปลี่ยน DNA ให้กลายเป็น RNA ก่อน แล้วจึงเปลี่ยน RNA ให้เป็นโปรตีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกทีหนึ่ง

ดังนั้น วัคซีน mRNA จึงไม่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ Insertional Mutagenesis ตามที่กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ Insertional Mutagenesis จากวัคซีน DNA ยังเป็นเพียงสมมติฐานทางทฤษฎี ซึ่งทาง Moderna ประเมินว่าโอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมากเช่นกัน

ดีเอ็นเอตกค้างของวัคซีน mRNA ไม่เป็นอันตราย

ส่วนดีเอ็นเอตกค้าง (residual DNA) ที่พบว่ามีอยู่ในวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่พบได้ในยาและวัคซีนทั่วไป

กระบวนการผลิตยาและวัคซีน จะมีการกำจัดดีเอ็นเอตกค้างด้วยการทำให้ยาและวัคซีนมีความบริสุทธิ์ ซึ่งการหลงเหลือในยาและวัคซีนจะอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก นอกจากนี้ยังมีการกำหนดค่ามาตรฐานสากลของปริมาณดีเอ็นเอตกค้างที่อยู่ในชีววัตถุ ซึ่งปริมาณดีเอ็นเอตกค้างในวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ถือว่าต่ำกว่าค่ามาตรฐานสากลที่พบในชีววัตถุทั่วไปอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายยังยืนยันว่า ดีเอ็นเอตกค้างของวัคซีน mRNA ไม่จัดเป็นสิ่งปนเปื้อนอีกเช่นกัน

ตัวแทนขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ยืนยันว่า ไม่พบหลักฐานว่าดีเอ็นเอตกค้างจำนวนเล็กน้อยในวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เพิ่มความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมหรือการเป็นมะเร็ง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2023/11/scicheck-posts-spread-false-claim-about-moderna-patent-application/
https://www.usatoday.com/story/news/factcheck/2023/12/15/false-claim-moderna-admitted-mrna-vaccines-cause-cancer-fact-check/71728496007/