Died Suddenly สารคดีลวงโลก อ้างคนฉีดวัคซีนโควิดตายเพราะ “ลิ่มเลือดขาว”

27 เมษายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


หนึ่งในสารคดีที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด ได้แก่ Died Suddenly สารคดีความยาว 69 นาที ผลงานของ สตู ปีเตอร์ส พิธีกรชาวอเมริกันผู้สร้างชื่อจากการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด เนื้อหาใน Died Suddenly พยายามอ้างว่า หลังการรณรงค์วัคซีนโควิด-19 พบผู้เสียชีวิตอย่างเฉียบพลันมากขึ้น (Died Suddenly) จึงพยายามเชื่อมโยงว่า สาเหตุมาจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในร่างกายของผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19

สตู ปีเตอร์ส เริ่มเข้าสู่วงการในฐานะนักร้องเพลงแร็ปและนักล่าเงินรางวัล ก่อนจะผันตัวมาจัดรายการพอดแคสต์ของตัวเองในชื่อ The Stew Peters Show เมื่อปี 2020 โดยเนื้อหาเน้นเผยแพร่แนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ทั้งการเชิดชูคนผิวขาว เหยียดหยามผู้มีความหลากหลายทางเพศ เหยียดคนเชื้อชาติยิว ไม่ยอมรับการมีอยู่ของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จน Spotify and iHeartRadio เคยลบเนื้อหาบางตอนของ The Stew Peters Show ออกไปจากระบบมาแล้ว


ในปี 2022 สตู ปีเตอร์ส ได้นำ Died Suddenly สารคดีโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ออกมาเผยแพร่ทาง Rumble และ X (Twitter) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2022 โดยพยายามเชื่อมโยงการตายเฉียบพลันกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด-19

แต่แหล่งข้อมูลที่ สตู ปีเตอร์ส ใช้อ้างอิง กลับไม่ใช่พยาธิแพทย์ซึ่งรับผิดชอบด้านการชันสูตรศพ แต่กลับอ้างอิงความเห็นของผู้คนในแวดวงการจัดงานศพและการแต่งศพ ซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่อาจรู้ได้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตหรือการเกิดลิ่มเลือดอุดตันมาจากสิ่งใด

ความเห็นของช่างแต่งศพ


แหล่งข้อมูลสำคัญของ Died Suddenly มาจากความเห็นของ ริชาร์ด เฮิร์ชแมน ช่างแต่งศพผู้ตั้งข้อสังเกตว่า พบลิ่มเลือดในศพจำนวนมากอย่างผิดสังเกต ลิ่มเลือดที่พบมีความเหนียวไม่ต่างจากยางหรือเนื้อปลาหมึก เขาจึงไม่แปลกที่คนเหล่านี้จะป่วยด้วยภาวะหลอดเลือดอุดตัน

แชด วิสแนนท์ เจ้าของกิจการจัดงานศพ ยืนยันใน Died Suddenly ว่า แต่เดิมเขาไม่ตั้งข้อสงสัยถึงความปลอดภัยของวัคซีน แต่หลังจากเห็นลิ่มเลือดในศพจำนวนมาก วันนี้เขาจึงเปลี่ยนมาเป็น Anti Vaxxer หรือผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนในที่สุด

Factcheck.org ได้ติดต่อไปยัง แชด วิสแนนท์ เพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ แต่มีโอกาสได้พูดคุยกับ บรูค วิสแนนท์ ภรรยาของเขา ซึ่งเธอยืนยันว่า ลิ่มเลือดที่พบในศพไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ส่วนเธอก็ไม่ได้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนเหมือนกับสามี โดยให้ความเห็นว่า นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2017 การเผยแพร่ข่าวปลอมข้อมูลเท็จในสังคมก็เป็นไปอย่างแพร่หลาย และส่งผลต่อความคิดผู้คนจำนวนมาก รวมถึงสามีของเธอเอง

บรูค วิสแนนท์ ย้ำว่า ริชาร์ด เฮิร์ชแมน ช่างแต่งศพในสารคดี Died Suddenly เคยทำงานแต่งศพให้กับกิจการของเธอกับสามี และยืนยันว่าเขาไม่มีทางรู้ว่าศพใดผ่านการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อนหรือไม่

ช่างแต่งศพไม่มีทางรู้ประวัติสุขภาพของศพ

สอดคล้องกับความเห็นของสมาคมผู้จัดงานศพแห่งชาติสหรัฐฯ (NFDA) และสมาคมผู้จัดงานศพแห่งสหราชอาณาจักร (NAFD) ที่ยืนยันว่า ช่างแต่งศพและผู้จัดงานศพไม่ใช่อาชีพที่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน บทบาทดังกล่าวเป็นหน้าที่ของหมอ, นักวิทยาศาสตร์ หรือผู้ตรวจสอบทางการแพทย์ สภาวะในหลอดเลือดของผู้เสียชีวิตขึ้นอยู่กับสาเหตุการตายและระยะเวลาของการเสียชีวิต ซึ่งช่างแต่งศพและผู้จัดงานศพไม่รู้ข้อมูลดังกล่าว เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในกระบวนการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต

ซาสเกีย มิดเดลดอร์ป หัวหน้าแผนกอายุรศาสตร์ โรงพยาบาล Radboud University Medical Center ประเทศเนเธอร์แลนด์ อธิบายว่า ลิ่มเลือดที่เกาะกันเป็นเส้นใยในร่างของผู้เสียชีวิต เป็นเรื่องปกติที่พบได้ในศพผู้ตาย ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม ที่แปลกคือช่างแต่งศพกลับตั้งคำถามถึงอันตรายของวัคซีน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับการเกิดลิ่มเลือดของผู้ตาย เพราะมีเพียงแพทย์ที่ศึกษาด้านพยาธิวิทยาโดยตรงเท่านั้น ที่สามารถวินิจฉัยการเกิดลิ่มเลือดกับสาเหตุการเสียชีวิตได้

เบน ชมิดท์ ผู้จัดงานศพและผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งศพ มองว่า ข้ออ้างในสารคดีเป็นเพียง Clickbait หรือการพาดหัวข่าวเพื่อให้ผู้ชมหลงเชื่อเท่านั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ช่างแต่งศพจะรู้ประวัติสุขภาพของผู้เสียชีวิต นอกจากจะเป็นญาติใกล้ชิดกับคนตาย การดองศพจะเริ่มขึ้นก่อนที่สาเหตุการเสียชีวิตจะได้รับการยืนยัน ช่างแต่งศพจึงไม่มีทางรู้สาเหตุของการเสียชีวิต หรือแม้แต่สถานะการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิต

ข้อมูลจากสมาคมผู้จัดงานศพแห่งชาติสหรัฐฯ (NFDA) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ยืนยันว่า พบการเกิดลิ่มเลือดมากขึ้นในศพของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งศพของผู้ที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน

ลิ่มเลือดหลังการตาย

ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมองว่า ลิ่มเลือดที่ปรากฏในสารคดี แท้จริงแล้วคือลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิต หรือ Postmortem Blood Clot ซึ่งผิวสัมผัสมีลักษณะเรียบและเหนียวมากกว่าลิ่มเลือดทั่วไป

ดร.เอริค เบินเนทท์ แพทย์จากศูนย์ Irving Medical Center มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ลิ่มเลือดที่เห็นในสารคดีคือลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิต และมีลักษณะตามที่ช่างแต่งศพอธิบายไว้ในสารคดีทุกประการ ถือเป็นเรื่องน่าตกใจที่สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาสร้างความหวาดกลัวผิด ๆ ต่อสาธารณชน

โมนิกา ตอเรส ช่างแต่งศพอธิบายว่า ลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิตอาจเกิดกับศพที่ถูกแช่เย็นนานเกินไป ซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอในกรณีที่ต้องจัดการกับศพคราวละมาก ๆ แต่ผู้สร้างสารคดีกลับนำมาเป็นประเด็นให้ผู้คนตกใจกลัว

การบิดเบือนภาพการผ่าตัด

นอกจากนี้ยังพบว่า ภาพบางส่วนในสารคดีนำมาจากวิดีโอสาธิตการผ่าตัดหัวใจเพื่อนำลิ่มเลือดอุดตันออกจากหลอดเลือด ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงสูงและใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น โดยคลิปดังกล่าวถูกถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2019 จึงพิสูจน์ได้ว่าเหตุการณ์ในคลิปไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในช่วงปลายปี 2020

แม้ลิ่มเลือดที่อยู่ในสารคดี อาจจะไม่ใช่ลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิตหรือ Postmortem Blood Clot ทั้งหมด ลิ่มเลือดบางส่วนอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้ตายยังมีชีวิต แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ว่า วัคซีนคือสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดเหล่านั้น

โอกาสเกิดลิ่มเลือดจากวัคซีนโควิด-19 ชนิด Viral Vector

เป็นจริงที่ว่า อาการลิ่มเลือดอุดตัน คืออาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้ยากจากวัคซีนโควิด-19 ชนิด Viral Vector โดยมีสัดส่วนการเกิดอาการ TTS หรือการเกิดลิ่มเลือดและเกล็ดเลือดต่ำกับผู้รับวัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson เพียง 4 เคสต่อ 1 ล้านโดสเท่านั้น

นอกจากนี้ วัคซีนโควิด-19 ชนิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอย่างวัคซีน mRNA ก็เป็นวัคซีนที่แทบไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันอีกทางหนึ่ง เนื่องจากลิ่มเลือดอุดตันเป็นหนึ่งในอาการข้างเคียงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย

ผลตอบรับของสารคดี Died Suddenly

การเชื่อมโยงผิด ๆ ว่าวัคซีนโควิด-19 มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน สร้างความเข้าใจผิดในสังคมเป็นวงกว้าง เพียงแค่ 2 วัน ก็มีผู้รับชมสารคดีทาง Rumble มากกว่า 4 ล้านครั้ง และมียอดรับชมทาง X (Twitter) มากกว่า 1.5 ล้านครั้ง การประเมินเมื่อช่วงต้นปี 2023 พบว่า Died Suddenly ทำยอดวิวรวมกันกว่า 20 ล้านครั้ง หลังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม ทั้งสื่อมวลชนและนักการเมืองที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน

ภัยสังคม

เดือนพฤศจิกายน 2022 สำนักข่าว BBC รายงานว่า มีหลายครอบครัวที่สูญเสียญาติพี่น้องกะทันหัน ตกเป็นเป้าโจมตีทางออนไลน์ของกลุ่มคนที่หลงเชื่อแนวคิดผิด ๆ จาก Died Suddenly

หนึ่งในนั้นคือ วิคตอเรีย สตรีชาวอเมริกันผู้สูญเสีย แมดดี หญิงคนรักที่จากไปด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันหลังใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 23 ปี แต่ข้อความไว้อาลัยทางออนไลน์กลับถูกเหล่า Anti Vaxxer เข้ามาโพสต์ข้อความใส่ร้าย โดยอ้างว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการหลงเชื่อเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน

แม้ วิคตอเรีย จะชี้แจงว่าคนรักของเธอป่วยเป็นมะเร็งระยะลุกลาม และการเสียชีวิตของเธอไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เหล่า Anti Vaxxer ก็ไม่ยอมรับฟัง และรุมประณามว่าวิคตอเรียกำลังโกหกต่อชาวโลก

เสียงประณามจากวงการวิทยาศาสตร์

เดวิด กอร์สกี แพทย์ชาวอเมริกันผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดมะเร็ง มองว่า Died Suddenly เป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อและสารคดีวิทยาศาสตร์ปลอม จากการนำลิ่มเลือดหลังการตายมาสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม

แอนเจลา ราสมุสเซน นักไวรัสวิทยาชาวแคนาดา ประณามว่า Died Suddenly คือสารคดีจอมปลอมที่จ้องหาเงินจากเรื่องโกหก หลายคนที่สารคดีนำภาพมาอ้างว่าตายจากวัคซีน เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเกินครึ่งยังมีชีวิตอยู่

โจนาธาน จาร์รี นักสื่อสารวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแม็คกิลล์ ประเทศแคนาดา เปรียบเทียบว่า การสร้างสารคดี Died Suddenly เหมือนกับการหาประโยชน์กับคนตาย (Grave-Robbing) ฝ่าฝืนจรรยาบรรณสื่อสารมวลชน ด้วยการนำภาพผู้เสียชีวิตมาใช้เผยแพร่วิทยาศาสตร์ปลอมโดยไม่ได้รับความยินยอม

Died Suddenly ยังถูกตำหนิจากสมาชิกบางรายของกลุ่ม Anti Vaxxer ที่มองว่า เนื้อหาเน้นการโจมตีวัคซีนโควิด-19 แบบด่วนสรุปเช่นนี้ กลับจะทำให้ความน่าเชื่อถือของกลุ่ม Anti Vaxxer ลดลงมากกว่า

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2022/12/scicheck-died-suddenly-pushes-bogus-depopulation-theory/
https://www.reuters.com/article/fact-check-viral-video-promotes-baseless/fact-check-viral-video-promotes-baseless-vaccine-depopulation-theory-idUSL1N32Y1SI
https://en.wikipedia.org/wiki/Stew_Peters
https://en.wikipedia.org/wiki/Died_Suddenly

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย