Died Suddenly สารคดีลวงโลก อ้างคนฉีดวัคซีนโควิดตายเพราะ “ลิ่มเลือดขาว”

27 เมษายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


หนึ่งในสารคดีที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 มากที่สุด ได้แก่ Died Suddenly สารคดีความยาว 69 นาที ผลงานของ สตู ปีเตอร์ส พิธีกรชาวอเมริกันผู้สร้างชื่อจากการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด เนื้อหาใน Died Suddenly พยายามอ้างว่า หลังการรณรงค์วัคซีนโควิด-19 พบผู้เสียชีวิตอย่างเฉียบพลันมากขึ้น (Died Suddenly) จึงพยายามเชื่อมโยงว่า สาเหตุมาจากการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในร่างกายของผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19

สตู ปีเตอร์ส เริ่มเข้าสู่วงการในฐานะนักร้องเพลงแร็ปและนักล่าเงินรางวัล ก่อนจะผันตัวมาจัดรายการพอดแคสต์ของตัวเองในชื่อ The Stew Peters Show เมื่อปี 2020 โดยเนื้อหาเน้นเผยแพร่แนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ทั้งการเชิดชูคนผิวขาว เหยียดหยามผู้มีความหลากหลายทางเพศ เหยียดคนเชื้อชาติยิว ไม่ยอมรับการมีอยู่ของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จน Spotify and iHeartRadio เคยลบเนื้อหาบางตอนของ The Stew Peters Show ออกไปจากระบบมาแล้ว


ในปี 2022 สตู ปีเตอร์ส ได้นำ Died Suddenly สารคดีโจมตีความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ออกมาเผยแพร่ทาง Rumble และ X (Twitter) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2022 โดยพยายามเชื่อมโยงการตายเฉียบพลันกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด-19

แต่แหล่งข้อมูลที่ สตู ปีเตอร์ส ใช้อ้างอิง กลับไม่ใช่พยาธิแพทย์ซึ่งรับผิดชอบด้านการชันสูตรศพ แต่กลับอ้างอิงความเห็นของผู้คนในแวดวงการจัดงานศพและการแต่งศพ ซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่อาจรู้ได้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตหรือการเกิดลิ่มเลือดอุดตันมาจากสิ่งใด

ความเห็นของช่างแต่งศพ


แหล่งข้อมูลสำคัญของ Died Suddenly มาจากความเห็นของ ริชาร์ด เฮิร์ชแมน ช่างแต่งศพผู้ตั้งข้อสังเกตว่า พบลิ่มเลือดในศพจำนวนมากอย่างผิดสังเกต ลิ่มเลือดที่พบมีความเหนียวไม่ต่างจากยางหรือเนื้อปลาหมึก เขาจึงไม่แปลกที่คนเหล่านี้จะป่วยด้วยภาวะหลอดเลือดอุดตัน

แชด วิสแนนท์ เจ้าของกิจการจัดงานศพ ยืนยันใน Died Suddenly ว่า แต่เดิมเขาไม่ตั้งข้อสงสัยถึงความปลอดภัยของวัคซีน แต่หลังจากเห็นลิ่มเลือดในศพจำนวนมาก วันนี้เขาจึงเปลี่ยนมาเป็น Anti Vaxxer หรือผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนในที่สุด

Factcheck.org ได้ติดต่อไปยัง แชด วิสแนนท์ เพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ แต่มีโอกาสได้พูดคุยกับ บรูค วิสแนนท์ ภรรยาของเขา ซึ่งเธอยืนยันว่า ลิ่มเลือดที่พบในศพไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ส่วนเธอก็ไม่ได้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนเหมือนกับสามี โดยให้ความเห็นว่า นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2017 การเผยแพร่ข่าวปลอมข้อมูลเท็จในสังคมก็เป็นไปอย่างแพร่หลาย และส่งผลต่อความคิดผู้คนจำนวนมาก รวมถึงสามีของเธอเอง

บรูค วิสแนนท์ ย้ำว่า ริชาร์ด เฮิร์ชแมน ช่างแต่งศพในสารคดี Died Suddenly เคยทำงานแต่งศพให้กับกิจการของเธอกับสามี และยืนยันว่าเขาไม่มีทางรู้ว่าศพใดผ่านการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อนหรือไม่

ช่างแต่งศพไม่มีทางรู้ประวัติสุขภาพของศพ

สอดคล้องกับความเห็นของสมาคมผู้จัดงานศพแห่งชาติสหรัฐฯ (NFDA) และสมาคมผู้จัดงานศพแห่งสหราชอาณาจักร (NAFD) ที่ยืนยันว่า ช่างแต่งศพและผู้จัดงานศพไม่ใช่อาชีพที่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน บทบาทดังกล่าวเป็นหน้าที่ของหมอ, นักวิทยาศาสตร์ หรือผู้ตรวจสอบทางการแพทย์ สภาวะในหลอดเลือดของผู้เสียชีวิตขึ้นอยู่กับสาเหตุการตายและระยะเวลาของการเสียชีวิต ซึ่งช่างแต่งศพและผู้จัดงานศพไม่รู้ข้อมูลดังกล่าว เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในกระบวนการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต

ซาสเกีย มิดเดลดอร์ป หัวหน้าแผนกอายุรศาสตร์ โรงพยาบาล Radboud University Medical Center ประเทศเนเธอร์แลนด์ อธิบายว่า ลิ่มเลือดที่เกาะกันเป็นเส้นใยในร่างของผู้เสียชีวิต เป็นเรื่องปกติที่พบได้ในศพผู้ตาย ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม ที่แปลกคือช่างแต่งศพกลับตั้งคำถามถึงอันตรายของวัคซีน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับการเกิดลิ่มเลือดของผู้ตาย เพราะมีเพียงแพทย์ที่ศึกษาด้านพยาธิวิทยาโดยตรงเท่านั้น ที่สามารถวินิจฉัยการเกิดลิ่มเลือดกับสาเหตุการเสียชีวิตได้

เบน ชมิดท์ ผู้จัดงานศพและผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งศพ มองว่า ข้ออ้างในสารคดีเป็นเพียง Clickbait หรือการพาดหัวข่าวเพื่อให้ผู้ชมหลงเชื่อเท่านั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ช่างแต่งศพจะรู้ประวัติสุขภาพของผู้เสียชีวิต นอกจากจะเป็นญาติใกล้ชิดกับคนตาย การดองศพจะเริ่มขึ้นก่อนที่สาเหตุการเสียชีวิตจะได้รับการยืนยัน ช่างแต่งศพจึงไม่มีทางรู้สาเหตุของการเสียชีวิต หรือแม้แต่สถานะการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิต

ข้อมูลจากสมาคมผู้จัดงานศพแห่งชาติสหรัฐฯ (NFDA) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ยืนยันว่า พบการเกิดลิ่มเลือดมากขึ้นในศพของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งศพของผู้ที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน

ลิ่มเลือดหลังการตาย

ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมองว่า ลิ่มเลือดที่ปรากฏในสารคดี แท้จริงแล้วคือลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิต หรือ Postmortem Blood Clot ซึ่งผิวสัมผัสมีลักษณะเรียบและเหนียวมากกว่าลิ่มเลือดทั่วไป

ดร.เอริค เบินเนทท์ แพทย์จากศูนย์ Irving Medical Center มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ลิ่มเลือดที่เห็นในสารคดีคือลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิต และมีลักษณะตามที่ช่างแต่งศพอธิบายไว้ในสารคดีทุกประการ ถือเป็นเรื่องน่าตกใจที่สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาสร้างความหวาดกลัวผิด ๆ ต่อสาธารณชน

โมนิกา ตอเรส ช่างแต่งศพอธิบายว่า ลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิตอาจเกิดกับศพที่ถูกแช่เย็นนานเกินไป ซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอในกรณีที่ต้องจัดการกับศพคราวละมาก ๆ แต่ผู้สร้างสารคดีกลับนำมาเป็นประเด็นให้ผู้คนตกใจกลัว

การบิดเบือนภาพการผ่าตัด

นอกจากนี้ยังพบว่า ภาพบางส่วนในสารคดีนำมาจากวิดีโอสาธิตการผ่าตัดหัวใจเพื่อนำลิ่มเลือดอุดตันออกจากหลอดเลือด ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงสูงและใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น โดยคลิปดังกล่าวถูกถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2019 จึงพิสูจน์ได้ว่าเหตุการณ์ในคลิปไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในช่วงปลายปี 2020

แม้ลิ่มเลือดที่อยู่ในสารคดี อาจจะไม่ใช่ลิ่มเลือดหลังการเสียชีวิตหรือ Postmortem Blood Clot ทั้งหมด ลิ่มเลือดบางส่วนอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้ตายยังมีชีวิต แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ว่า วัคซีนคือสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดเหล่านั้น

โอกาสเกิดลิ่มเลือดจากวัคซีนโควิด-19 ชนิด Viral Vector

เป็นจริงที่ว่า อาการลิ่มเลือดอุดตัน คืออาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้ยากจากวัคซีนโควิด-19 ชนิด Viral Vector โดยมีสัดส่วนการเกิดอาการ TTS หรือการเกิดลิ่มเลือดและเกล็ดเลือดต่ำกับผู้รับวัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson เพียง 4 เคสต่อ 1 ล้านโดสเท่านั้น

นอกจากนี้ วัคซีนโควิด-19 ชนิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอย่างวัคซีน mRNA ก็เป็นวัคซีนที่แทบไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันอีกทางหนึ่ง เนื่องจากลิ่มเลือดอุดตันเป็นหนึ่งในอาการข้างเคียงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย

ผลตอบรับของสารคดี Died Suddenly

การเชื่อมโยงผิด ๆ ว่าวัคซีนโควิด-19 มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน สร้างความเข้าใจผิดในสังคมเป็นวงกว้าง เพียงแค่ 2 วัน ก็มีผู้รับชมสารคดีทาง Rumble มากกว่า 4 ล้านครั้ง และมียอดรับชมทาง X (Twitter) มากกว่า 1.5 ล้านครั้ง การประเมินเมื่อช่วงต้นปี 2023 พบว่า Died Suddenly ทำยอดวิวรวมกันกว่า 20 ล้านครั้ง หลังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม ทั้งสื่อมวลชนและนักการเมืองที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน

ภัยสังคม

เดือนพฤศจิกายน 2022 สำนักข่าว BBC รายงานว่า มีหลายครอบครัวที่สูญเสียญาติพี่น้องกะทันหัน ตกเป็นเป้าโจมตีทางออนไลน์ของกลุ่มคนที่หลงเชื่อแนวคิดผิด ๆ จาก Died Suddenly

หนึ่งในนั้นคือ วิคตอเรีย สตรีชาวอเมริกันผู้สูญเสีย แมดดี หญิงคนรักที่จากไปด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันหลังใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 23 ปี แต่ข้อความไว้อาลัยทางออนไลน์กลับถูกเหล่า Anti Vaxxer เข้ามาโพสต์ข้อความใส่ร้าย โดยอ้างว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการหลงเชื่อเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน

แม้ วิคตอเรีย จะชี้แจงว่าคนรักของเธอป่วยเป็นมะเร็งระยะลุกลาม และการเสียชีวิตของเธอไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เหล่า Anti Vaxxer ก็ไม่ยอมรับฟัง และรุมประณามว่าวิคตอเรียกำลังโกหกต่อชาวโลก

เสียงประณามจากวงการวิทยาศาสตร์

เดวิด กอร์สกี แพทย์ชาวอเมริกันผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดมะเร็ง มองว่า Died Suddenly เป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อและสารคดีวิทยาศาสตร์ปลอม จากการนำลิ่มเลือดหลังการตายมาสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม

แอนเจลา ราสมุสเซน นักไวรัสวิทยาชาวแคนาดา ประณามว่า Died Suddenly คือสารคดีจอมปลอมที่จ้องหาเงินจากเรื่องโกหก หลายคนที่สารคดีนำภาพมาอ้างว่าตายจากวัคซีน เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเกินครึ่งยังมีชีวิตอยู่

โจนาธาน จาร์รี นักสื่อสารวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแม็คกิลล์ ประเทศแคนาดา เปรียบเทียบว่า การสร้างสารคดี Died Suddenly เหมือนกับการหาประโยชน์กับคนตาย (Grave-Robbing) ฝ่าฝืนจรรยาบรรณสื่อสารมวลชน ด้วยการนำภาพผู้เสียชีวิตมาใช้เผยแพร่วิทยาศาสตร์ปลอมโดยไม่ได้รับความยินยอม

Died Suddenly ยังถูกตำหนิจากสมาชิกบางรายของกลุ่ม Anti Vaxxer ที่มองว่า เนื้อหาเน้นการโจมตีวัคซีนโควิด-19 แบบด่วนสรุปเช่นนี้ กลับจะทำให้ความน่าเชื่อถือของกลุ่ม Anti Vaxxer ลดลงมากกว่า

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2022/12/scicheck-died-suddenly-pushes-bogus-depopulation-theory/
https://www.reuters.com/article/fact-check-viral-video-promotes-baseless/fact-check-viral-video-promotes-baseless-vaccine-depopulation-theory-idUSL1N32Y1SI
https://en.wikipedia.org/wiki/Stew_Peters
https://en.wikipedia.org/wiki/Died_Suddenly

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย