อังกฤษ

ลอนดอน 17 มิ.ย. – ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ของอังกฤษ ระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดเกิดภาวะลองโควิด (Long Covid) ได้น้อยกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ของอังกฤษเผยแพร่ผลวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในในวารสารการแพทย์เดอะแลนเซ็ต (The Lancet) เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในอังกฤษมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิดลดลงร้อยละ 20-50 เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา แต่ตัวเลขดังกล่าวขึ้นอยู่กับอายุและระยะเวลาที่ฉีดวัคซีนโควิดครั้งล่าสุดของผู้ที่เคยติดเชื้อ ผลวิจัยชิ้นนี้พบว่า มีผู้ป่วยภาวะลองโควิดเพียงร้อยละ 4.5 จากผู้ที่เคยติดโควิดทั้งหมด 56,003 คนในเดือนธันวาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษเผชิญกับการระบาดรุนแรงของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ขณะที่พบผู้ป่วยภาวะลองโควิดมากถึงร้อยละ 10.8 จากผู้ที่เคยติดโควิดทั้งหมด 41,361 คนในเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา คณะนักวิจัยยังระบุว่า ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน เป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะลองโควิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยภาวะลองโควิดลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้พบผู้ป่วยภาวะลองโควิดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

มอสโก 15 มิ.ย. – กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียประกาศห้ามนักข่าว 29 คนของอังกฤษเดินทางเข้าประเทศ โดยอ้างว่านักข่าวเหล่านี้แผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซียและนำเสนอข่าวการสู้รบในยูเครนและภูมิภาคดอนบาสเพียงด้านเดียว กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า รัสเซียได้สั่งห้ามนักข่าว 29 คนของอังกฤษเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากนักข่าวเหล่านี้เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซียและนำเสนอข่าวการสู้รบในยูเครนและภูมิภาคดอนบาสเพียงด้านเดียว นอกจากนี้ รัสเซียยังได้สั่งห้ามบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานกลาโหมของอังกฤษ 20 คนเข้าประเทศ เช่น เจ้าหน้าที่กองทัพ เจ้าหน้าที่กำกับดูแลน่านฟ้า และ ส.ส. อังกฤษ ทั้งยังระบุว่า การใช้มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซีย และท่าทีต่อต้านรัสเซียของรัฐบาลอังกฤษ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า รัสเซียได้สั่งแบนนักข่าวที่ทำงานให้สื่ออังกฤษหลายแห่ง เช่น เดอะการ์เดียน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ซันเดย์ไทมส์ เดลีเมล ดิอินดีเพนเดนต์ เดลีเทเลกราฟ และสกายนิวส์ ด้านโฆษกของเดอะการ์เดียนเผยว่า คำสั่งดังกล่าวของรัฐบาลรัสเซียเป็นเรื่องน่าผิดหวังและเป็นเรื่องน่าเศร้าต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน ทั้งที่นักข่าวให้ความสำคัญกับความถูกต้องและความน่าเชื่อถือในการนำเสนอข่าวในช่วงนี้เหนือสิ่งอื่นใด แม้รัสเซียได้ใช้คำสั่งห้ามนักข่าวอังกฤษหลายคนเข้าประเทศ แต่สื่อมวลชนอังกฤษก็จะยังคงรายงานข่าวการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียอย่างตรงไปตรงมาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

เคียฟ 10 มิ.ย.- ยูเครนและชาติตะวันตกประณามศาลในแคว้นโดเนตสก์ของยูเครนที่ตัดสินประหารชีวิตชาวต่างชาติ 3 คน โทษฐานช่วยยูเครนรบกับรัสเซีย โฆษกกระทรวงต่างประเทศยูเครนประณามการตัดสินดังกล่าวว่า ไม่มีผลในทางกฎหมาย เพราะทำให้การโฆษณาชวนเชื่ออยู่เหนือกฎหมายและศีลธรรม ชาวต่างชาติทุกคนที่ร่วมรบกับกองกำลังยูเครนควรถือว่าเป็นบุคลากรทางทหารของยูเครนและได้รับความคุ้มครองในฐานะดังกล่าว ด้านนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษประณามว่า เป็นการพิจารณาคดีจอมปลอมที่ไม่มีความชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่โฆษกของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษระบุว่า อนุสัญญาเจนีวากำหนดไว้ว่าเชลยสงครามมีสิทธิคุ้มครองในฐานะนักรบ สำนักข่าวอาร์ไอเอโนวอสตีของรัสเซียรายงานว่า จำเลย 3 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ 2 คน และชาวโมร็อกโก 1 คน จะถูกยิงเป้า และมีเวลา 1 เดือนในการอุทธรณ์ หลังจากถูกศาลในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ที่แยกตัวจากยูเครนตัดสินว่า มีความผิดข้อหาพยายามโค่นอำนาจโดยใช้ความรุนแรง ซึ่งมีโทษประหารชีวิตในสาธารณรัฐนี้ นอกจากนี้ยังมีความผิดข้อหาเป็นทหารรับจ้างและข้อหาก่อการร้ายด้วย นับเป็นนักรบชาวต่างชาติชุดแรกที่ถูกกลุ่มแยกดินแดนในยูเครนตัดสินโทษ.-สำนักข่าวไทย

สำนักข่าวอาร์ไอเอ ของรัสเซียรายงานว่า ชาวอังกฤษ 2 คนและชาวโมร็อกโกอีก 1 คน ซึ่งถูกจับกุมตัวได้ในขณะที่ทั้ง 3 คน ช่วยยูเครนในการรบกับรัสเซียอาจจะถูกลงโทษประหารชีวิต

ลอนดอน 8 มิ.ย. – รายงานของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอนของอังกฤษระบุว่า ชาวกรุงลอนดอนรู้สึกมีความสุขและให้ความสำคัญกับการทำงานจากที่บ้าน รวมถึงไม่คิดที่จะกลับไปทำงานในสำนักงานสัปดาห์ละ 5 วันแบบเดิมอีกแล้ว รายงานของสถาบันนโยบายของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอนของอังกฤษที่ได้รับการเผยแพร่ในวันนี้ชี้ว่า ลูกจ้างที่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนเกือบร้อยละ 80 ที่ทำงานจากที่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ระบุว่า การทำงานจากที่บ้านเป็นเรื่องดี ส่วนร้อยละ 80 ระบุว่า การทำงานจากที่บ้านช่วยให้จัดการชีวิตได้ดีขึ้น และรู้สึกมีความสุขที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงาน นอกจากนี้ ยังมีอีกกว่าร้อยละ 60 ระบุว่า การทำงานจากที่บ้านทำให้มีเวลาดูแลบ้านและครอบครัวมากขึ้น ทั้งนี้ ยูโกฟ (YouGov) บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลก ได้เป็นผู้ดำเนินการสำรวจความเห็นลูกจ้างชาวกรุงลอนดอน 2,015 คน ในรายงานของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอน ซึ่งรวมถึงความเห็นของผู้ที่อาศัยอยู่นอกเมืองหลวงอังกฤษและต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง รายงานดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับความคิดเห็นของพนักงานออฟฟิศทั่วโลกที่ยังคงต้องการทำงานจากที่บ้านสัปดาห์ละหลายวัน แม้การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ลดลงแล้วก็ตาม ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอนมีขึ้นในขณะที่ลูกจ้างทั่วอังกฤษเริ่มเข้าสู่การทดลองทำงานสัปดาห์ละ 4 วันเป็นเวลา 6 เดือน โดยมีลูกจ้างกว่า 3,000 คนจาก 70 บริษัทเข้าร่วมโดยไม่ถูกลดเงินเดือน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นโครงการนำร่องครั้งสำคัญที่อาจแผ่ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย

พายุโซนร้อนพัดถล่มเบอร์มิวดา ส่งผลให้ฝนตกหนัก ทะเลมีคลื่นสูงราว 6 เมตร ประชาชนกว่า 800 ครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ โรงเรียน หน่วยงานราชการ และธุรกิจต่างๆ ต้องปิดทำการ

ลอนดอน 7 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสันของอังกฤษ รอดจากการลงมติไม่ไว้วางใจของ ส.ส.พรรคตัวเอง แต่คะแนนโหวตชี้ว่า เกือบครึ่งไม่สนับสนุนเขาแล้ว นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน รอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจภายของ ส.ส.พรรคของตัวเองเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาได้แบบไม่พลิกความคาดหมายมากนัก เมื่อผลคะแนนชี้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอนุรักษ์นิยมของจอห์นสัน ลงมติสนับสนุนเขา 211 เสียง และไม่สนับสนุน 148 เสียง หมายความว่า ส.ส.ของพรรครัฐบาลเกือบครึ่ง ไม่สนับสนุนจอห์นสันแล้ว เพียง 3 ปีหลังจากที่เขาพาพรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลาย การลงมติไม่ไว้วางใจเริ่มขึ้นในเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลอนดอน หลังจากจอห์นสันเรียกร้องให้เหล่า ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมสนับสนุนเขาต่อไป และย้ำเตือนเหล่า ส.ส.ว่า เขาเป็นผู้นำพาพรรคให้ชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี แต่ผลการลงมติที่ออกมา แม้ว่าจอห์นสันจะได้รับชัยชนะแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะพ้นวิกฤติ เพราะเสียงสนับสนุนที่เขาได้รับน้อยกว่าเสียงสนับสนุนของอดีตนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ในการลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2561 เสียอีก ซึ่งเธอชนะผ่านมาได้ แต่ก็ต้องลาออกในอีก 6 เดือนหลังจากนั้น เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภา การลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจมากมายในตัวจอห์นสัน โดยเฉพาะเรื่องที่เขากับสมาชิกรัฐบาลละเมิดกฎการควบคุมโควิด-19 และจัดงานปาร์ตีหลายครั้งที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี […]

ลอนดอน 6 มิ.ย.- สมาชิกสภาพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอังกฤษจะเปิดการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ในวันนี้ตามเวลาอังกฤษ เซอร์แกรแฮม เบรดี ประธานคณะกรรมการ 1992 ซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและสมาชิกสภาในพรรคทำหนังสือแจ้งสมาชิกสภาของพรรคว่า ได้รับเรื่องจากสมาชิกสภาที่ต้องการให้ลงมติเรื่องการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคของนายจอห์นสันทั้งหมด 54 คน เกินเกณฑ์ที่ต้องได้อย่างน้อยร้อยละ 15 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคทั้งหมด 395 คน จึงจะมีการลงมติระหว่างเวลา 18:00-20:00 น.วันนี้ตามเวลาอังกฤษ และจะนับคะแนนประกาศผลโดยทันที หากนายจอห์นสันพ่ายการลงมติ พรรคจะเลือกหัวหน้าคนใหม่ซึ่งจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วย แต่หากชนะการลงมติ เขาจะไม่ถูกลงมติอีกอย่างน้อย 1 ปี โฆษกประจำตัวนายจอห์นสันกล่าวว่า การลงมติจะยุติกระแสข่าวลือที่แพร่สะพัดมานานหลายเดือนเรื่องการทำหน้าที่ผู้นำของนายกรัฐมนตรี ขณะที่นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวเต็งทายาททางการเมืองของนายจอห์นสันทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า สนับสนุนนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่และขอให้สมาชิกสภาคนอื่น ๆ สนับสนุนด้วยเช่นกัน นายจอห์นสันได้ทำให้ประเทศฟื้นตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และสนับสนุนยูเครนที่ถูกรัสเซียรุกราน เขาได้ขอโทษในสิ่งที่ทำผิดพลาดไปแล้ว ขณะนี้ทุกคนต้องสนใจเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก นายกรัฐมนตรีจอห์นสันวัย 57 ปี ขอรับผิดชอบทั้งหมดต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีจัดงานเลี้ยงสุราในช่วงล็อกดาวน์ที่ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน แต่ยืนยันว่าจะไม่ลาออก ขณะที่สมาชิกสภาพรรคอนุรักษ์นิยมรู้สึกว่านายจอห์นสันที่นำพาพรรคคว้าเสียงข้างมากในสภาเมื่อปี 2562 ต้องรับผิดชอบ และพรรคมีตัวเลือกดี ๆ […]