ชัวร์ก่อนแชร์: ครีมกันแดดเข้าสู่กระแสเลือด-ส่งผลต่อฮอร์โมน จริงหรือ?

23 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ตรวจพบตัวยาของครีมกันแดดในกระแสเลือดของผู้ใช้ นำไปสู่การอ้างว่าสารเคมีในครีมกันแดดที่เข้าสู่กระแสเลือดมีฤทธิ์รบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ ส่งผลต่อความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ข้อกล่าวหาอ้างถึงผลวิจัยขนาดเล็กขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เมื่อปี 2019 ที่พบตัวยาสำคัญ (Active Ingredients) ในกระแสเลือดของผู้ใช้ครีมกันแดดในปริมาณมากกว่าที่เคยคาดไว้ แต่ FDA ยืนยันว่า การพบว่าตัวยาสำคัญของครีมกันแดดดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ได้หมายความว่าการใช้ครีมกันแดดไม่มีความปลอดภัย ดร.อดัม ฟรีดแมน หัวหน้าภาควิชาโรคผิวหนัง มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ชี้แจงว่า การอ้างว่าครีมกันแดดไม่มีความปลอดภัยเพราะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริง การพบสารบางอย่างในกระแสเลือดยังบอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นปลอดภัยหรืออันตราย จนกว่าจะมีการศึกษาผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เดสมอนด์ โทบิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคผิวหนัง มหาวิทยาลัยคอลเลจดับลิน อธิบายว่า ก่อนจะตัดสินความปลอดภัยหรือผลเสียจากการใช้ครีมกันแดด วงการวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องตรวจสอบความปลอดภัยของส่วนผสมในครีมกันแดดอย่างรอบคอบ โดยคำนึงไปถึงผลจากการใช้ต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ความกังวลต่อสาร Oxybenzone […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : อาบน้ำด้วยสบู่เหลว ตายเร็ว จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์เตือนว่า การอาบน้ำด้วยสบู่เหลวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต และทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะในสบู่เหลวมีสารอันตราย จริงหรือ ? บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ สารอันตรายที่มีการแชร์คือ SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในสบู่เหลว เพื่อให้เกิดฟอง มีการใช้ในปริมาณต่ำและสามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้เพียงเล็กน้อย จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม การใช้สบู่เหลวอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ในบางราย ซึ่งอาจเกิดจาก SLS หรือน้ำหอมและสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่าข้อมูลเรื่อง “สบู่เหลวอันตราย มีสารเคมีซึมลงผิวหนัง ทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น” เป็นข้อมูลที่มักถูกส่งต่อและเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะการเตือนภัยเกี่ยวกับสารเคมีที่ใช้เป็นส่วนประกอบของสบู่เหลว จากการสืบค้นย้อนหลัง พบว่าข้อความลักษณะนี้เคยถูกแชร์บนออนไลน์ ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2552 ผ่านทางอีเมลที่ส่งต่อกัน และต่อมามีการแชร์อย่างกว้างบนสื่อสังคมออนไลน์ และเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้หลายคนเกิดความกังวล จนมีการตั้งกระทู้สอบถามเพิ่มเติมในเว็บไซต์สนทนาอย่าง Pantip อีกด้วย ตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้ช่วยศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.กิติยศ ยศสมบัติ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นจากการผลิตสบู่เหลวในอดีต […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨: ระวัง ! หลอกสแกนนิ้วมือ ดูดเงินหมดบัญชี จริงหรือ ?

ตามที่มีการแชร์ข้อความพร้อมรูป ระบุว่า ระวังมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ หลอกสแกนลายนิ้วมือ เพราะจะดูดข้อมูลส่วนตัวและเงินในบัญชีจนหมด นั้น ❌บทสรุป ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ ❌ -ปัจจุบันการวางนิ้วบนจอมือถือเพื่อวัดน้ำตาลในเลือด ไม่สามารถทำได้-ภาพที่แชร์กัน ไม่ใช่การสแกนลายนิ้วมือ เป็นเพียงการวางนิ้วบนรูปภาพปกติและการสแกนแล้วเงินหาย มีความเป็นไปได้จริงน้อยมาก เพราะก่อนจะโอนเงินออกไปได้ จะต้องผ่านหลายขั้นตอน เช่น การติดตั้งแอป การกรอกข้อมูล ฯลฯ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า ภาพดังกล่าวเป็นโฆษณาบนเฟซบุ๊กให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยอ้างว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวสามารถวัดน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งในปัจจุบันการวางนิ้วบนจอโทรศัพท์มือถือเพื่อวัดน้ำตาลในเลือดนั้น ไม่สามารถทำได้ และการวางนิ้วบบนภาพลายนิ้วมือบนหน้าจอมือถือ ไม่ใช่การสแกน แต่เป็นเพียงการวางนิ้วบนรูปภาพปกติ ส่วนคำเตือนที่บอกว่า การวางนิ้วจะถูกดูดข้อมูลและเงินจนหมดนั้น มีความเป็นไปได้จริงน้อยมาก เพราะก่อนจะโอนเงินออกไปได้ จะต้องผ่านการสั่งงานและกดยืนยันหลายขั้นตอน ซึ่งคนร้ายมักจะใช้วิธีการ หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน หลอกให้กรอกข้อมูล เพื่อนำไปใช้ในการโจรกรรมอีกต่อหนึ่ง ซึ่งมีขั้นตอนมากกว่าการสแกนในคราวเดียว อย่างไรก็ตาม การกดโฆษณาที่มีลักษณะที่หลอกให้เข้าใจผิด ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะโดนหลอกให้ดาวน์โหลดแอป ที่ใช้งานไม่ได้ หรือมีอันตราย หรือโดนหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว  ❌ ดังนั้นข้อความและรูปภาพที่แชร์กันนี้ไม่เป็นความจริงงดส่งต่อข้อมูลที่สร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง❌  23 พฤษภาคม 2568ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย อสมทเขียน โดย เสาวภาคย์ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ครีมกันแดดทำให้ขาดวิตามินดี จริงหรือ?

23 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่าการใช้ครีมกันแดดคือสาเหตุของภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D Deficiency) เนื่องจากครีมกันแดดจะป้องกันกระบวนการสังเคราะห์วิตามินดีบนผิวหนัง ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : บทบาทการสังเคราะห์วิตามินดีจากผิวหนัง วิตามินดี เป็นทั้งวิตามินและฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกาย มีหน้าที่ดูดซึมแคลเซียม เสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน ปรับสมดุลของระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในกระแสเลือด ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และระบบภูมิคุ้มกันเป็นไปอย่างปกติ แหล่งวิตามินดีสำคัญของมนุษย์คือการสังเคราะห์รังสียูวีบีจากแสงแดดบริเวณผิวหนัง การไม่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานานอาจส่งผลให้ระดับวิตามินดีในร่างกายขาดแคลน ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ รวมถึงสาเหตุการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การศึกษาทั้งจากการสังเกตการณ์และทางระบาดวิทยา ไม่พบว่าการใช้ครีมกันแดดมีความสัมพันธ์กับภาวะขาดวิตามินดีแต่อย่างใด แม้ตามทฤษฎีแล้ว การทาครีมกันแดดจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีลดลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทาครีมกันแดดไม่สามารถป้องกันผิวจากรังสียูวีบีได้ทั้งหมด และรังสียูวีบีเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอสำหรับใช้สังเคราะห์วิตามินดีในปริมาณที่จำเป็นต่อร่างกายได้ ระยะเวลาตากแดดเพื่อสร้างวิตามินดี องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในช่วงฤดูร้อน การรับแดดที่บริเวณใบหน้า […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : วุ้นในตาเสื่อม สาเหตุ อาการ และการรักษา

วุ้นในตาเสื่อมเกิดจากสาเหตุใด อาการเป็นอย่างไร มีวิธีการรักษาอย่างไร ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ในลูกตาของคนเรามีกระจกตาดำอยู่ด้านหน้า ด้านในถูกเติมเต็มด้วยน้ำวุ้นลูกตา หรือที่คนทั่วไปคุ้นเคยกับคำว่า วุ้นตา  (Vitreous) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของลูกตา มีลักษณะเหลวคล้ายไข่ขาวที่ยึดติดกับผิวของจอตา วุ้นตามีมาตั้งแต่เกิด เมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง หรือเข้าสู่วัยกลางคนวุ้นตาจะเสื่อม มีลักษณะเหลวเป็นน้ำ หดตัวและลอกตัวจากจอตา อาจเกิดตะกอนวุ้นตา (Floaters) ลอยขึ้นมาในวุ้นตาได้ ที่เรียกกันว่าวุ้นตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) วุ้นตาเสื่อม เกิดขึ้นกับคนกลุ่มไหน ? วุ้นตาเสื่อมไม่ได้เกิดเฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น วัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น อายุ 20 กว่าก็มีวุ้นตาเสื่อม หรือตะกอนในวุ้นลูกตาได้ “วุ้นตาเสื่อม” เป็นภาวะที่เกิดได้กับทุกคน แต่มีโอกาสพบได้มากคือคนที่มีภาวะสายตาสั้นมาก ๆ และลูกตาเคยถูกกระแทกอย่างรุนแรง รวมถึงคนที่เคยผ่าตัดต้อกระจก ในคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่อาจกระทบถึงดวงตาได้ เช่น เบาหวานขึ้นตาก็ทำให้เกิดตะกอนได้ หรือมีวุ้นตาเสื่อมได้เร็วกว่าคนปกติทั่วไป สาเหตุ และอาการ “วุ้นตาเสื่อม” เป็นอย่างไร ? โดยทั่วไป อาการวุ้นตาเสื่อมหรือมีตะกอนในวุ้นลูกตา ผู้ป่วยมาพบจักษุแพทย์เพราะมองเห็นจุดดำ […]

ชัวร์ก่อนแชร์: มะเร็งผิวหนังค้นพบหลังการผลิตครีมกันแดด จริงหรือ?

22 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความปลอดภัยของครีมกันแดดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยอ้างว่ามนุษย์ใช้ชีวิตกลางแสงแดดมาตั้งแต่โบราณ กระทั่งมีการผลิตครีมกันแดด ผู้คนก็เริ่มป่วยเป็นมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนังชนิดใหม่อย่างเมลาโนมา (Melanoma) ที่เพิ่งจะพบผู้ป่วยเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ช่วงเดียวกับที่ครีมกันแดดเริ่มเป็นที่นิยม บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : อย่างไรก็ดี โรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาถูกตรวจพบก่อนการผลิตครีมกันแดดนานนับพันปี ครั้งแรกที่มีการจดบันทึกเกี่ยวกับโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาจากบันทึกของฮิปโปเครตีส บิดาการแพทย์ชาวกรีกโบราณซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 460-375 ปีก่อนคริสตกาล เรเน เลนเนค แพทย์ชาวฝรั่งเศสผู้คิดค้นหูฟังทางการแพทย์ เป็นผู้บัญญัติชื่อโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาและบรรยายเกี่ยวกับมะเร็งเมลาโนมาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1804 ส่วนครีมกันแดดเริ่มพัฒนาเมื่อปี 1890 โดยครีมกันแดดสมัยใหม่จะถูกคิดค้นโดย ฟรานซ์ ไกรเทอร์ นักเคมีชาวสวิสช่วงปลายทศวรรษ 1940s ความเสี่ยงมะเร็งผิวหนังจากรังสียูวี เมื่อปี 2009 องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้รังสียูวีทั้งจากแสงอาทิตย์และรังสียูวีสังเคราะห์เป็นสารก่อมะเร็งระดับที่ 1 […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : เส้นขาวรอบตาดำ

เส้นขาวเป็นวงรอบรอบกระจกตาดำเกิดจากสาเหตุใด เป็นสัญญาณบอกอันตรายหรือไม่ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ภาวะที่มี “วงสีขาวรอบกระจกตาดำ” เกิดขึ้นได้ตามปกติ ทางการแพทย์เรียกว่า Arcus senilis ในคนอายุมากกว่า 40 ปี เริ่มมี Arcus senilis ถือเป็นเรื่องปกติที่มีไขมันมาสะสมบริเวณขอบตาดำบริเวณรอยต่อกับตาขาว ซึ่งมีทั้งคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) สามารถมองเห็น “วงสีขาวรอบกระจกตาดำ” ได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อะไรเลย ถ้าสังเกตคนอายุ 40-50 ปีไปแล้ว จะเริ่มเห็นมีการสะสมของไขมันบริเวณขอบตาดำ เฉพาะด้านบนและด้านล่างที่มีเปลือกตาบังอยู่ก็อาจจะไม่ทันสังเกต ต่อมาวง Arcus senilis จะกระจายรอบดวงตา (ทั้งด้านนอกและด้านใน) ในคนอายุ 60-70-80 ปี จะมองเห็นวงสีขาวเข้ม คนอายุน้อย มีเส้นขาวรอบกระจกตาดำ ด้วยหรือไม่ ? โดยทั่วไป ถ้าพบ Arcus senilis ในคนอายุน้อยกว่า 40 ปี และในคนอายุเกิน […]

Sunscreen Paradox ยิ่งใช้ครีมกันแดด ยิ่งเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง จริงหรือ?

21 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล หนึ่งในความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ป้องกันสุขภาพผิวอย่างครีมกันแดด คือความเชื่อว่าการใช้ครีมกันแดดเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง เมื่อมีข้อมูลทางสถิติพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังมากขึ้นหลังครีมกันแดดเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย จนเป็นที่มาของข้อย้อนแย้งของครีมกันแดดหรือ Sunscreen Paradox Sunscreen Paradox มีที่มาจากผลสำรวจที่พบว่า นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเริ่มใช้อย่างแพร่หลายช่วงทศวรรษที่ 1980s เป็นต้นมา กลับพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังในกลุ่มผู้ใช้ครีมกันแดดมากกว่าประชากรทั่วไป จนเกิดข้อสรุปที่ผิดพลาดว่า ครีมกันแดดคือสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง การสำรวจความเห็นโดยสถาบันวิจัยมะเร็ง Orlando Health Cancer Institute เมื่อเดือนมีนาคม 2024 พบว่า ชาวอเมริกันอายุมากกว่า 18 ปีจำนวน 1,000 ราย มีอยู่ถึง 14% ของกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 35 ปีที่เชื่อว่า การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำส่งผลเสียต่อผิวหนังมากกว่าการตากแดด รังสียูวีจากดวงอาทิตย์ รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสีเหนือม่วง คือรังสีที่เกิดจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ แบ่งตามสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าได้ 3 ชนิด ได้แก่ UVC (คลื่นสั้น) UVB (คลื่นกลาง) […]

ชัวร์ก่อนแชร์: ตระกูลมาร์กอสครอบครองทองคำ 1 ล้านตัน จริงหรือ?

20 พฤษภาคม 2568แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล ข้อมูลที่ถูกแชร์ : มีทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับความร่ำรวยของตระกูลมาร์กอส ตระกูลการเมืองของประเทศฟิลิปปินส์เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่า ที่มาความร่ำรวยของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตประธานาธิบดีคนที่ 10 ของฟิลิปปินส์ แท้จริงแล้วมาจากการครอบครองทองคำปริมาณถึง 1 ล้านตัน และยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของตระกูลจนถึงปัจจุบัน บทสรุป : FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง : ตำนานทองคำตระกูลทัลลาโน ทฤษฎีสมคบคิดการครอบครองทองคำของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส มาจากเรื่องเล่าที่อ้างว่าก่อนที่ฟิลิปปินส์จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศสเปน กลุ่มคนที่มีอำนาจสูงสุดในแถบหมู่เกาะฟิลิปปินส์ได้แก่สมาชิกของตระกูลทัลลาโน เนื่องจากครอบครองทองคำเอาไว้จำนวนมาก ต่อมาสมาชิกของตระกูลทัลลาโนได้มอบทองคำจำนวนถึง 1 ล้านตันแก่ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เพื่อตอบแทนการช่วยเหลือคนของตระกูลทัลลาโนในสมัยที่ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ยังทำงานเป็นทนายความ ผู้สนับสนุนตระกูลมาร์กอสมักนำตำนานมาอ้างว่าสิ่งนี้คือเบื้องหลังความร่ำรวยผิดปกติของ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ทองคำทั้งโลกมีแค่ 2 แสนตัน อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : สมเด็จพระสังฆราชมีพระดำรัส ห้ามถวายเงินพระ จริงหรือ ?

ตามที่สื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อความอ้างว่าเป็นพระดำรัสสมเด็จพระสังฆราช ห้ามประชาชนงดถวายเงินแด่พระสงฆ์ นั้น บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ ข้อความดังกล่าวไม่ใช่พระดำรัสของสมเด็จพระสังฆราช โดยสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ออกประกาศชี้แจงว่า สมเด็จพระสังฆราชไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อดังกล่าวแต่อย่างใด FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า ข้อความที่เผยแพร่กันดังกล่าว มีการเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กหนึ่ง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ใจความว่า “ด่วน สมเด็จพระสังฆราช ทรงรับสั่งให้ประชาชนงดเอาเงินถวายพระโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งงานศพ งดใส่ซองขาวถวายพระทุกกรณี”  ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นโพสต์ข้อความธรรมดา ไม่มีข้อมูลอื่น ๆ เช่น ภาพประกอบ หรือแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น ข่าวดี ประจำชาติเลยค่ะ ดีมากเลยคำสั่งจากสังฆราชน่าหยุดทุกอย่างได้จริง เป็นต้น อีกทั้งยังมีการแชร์ออกไปกว่า 2.5 พัน ครั้ง  ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส ความว่า […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ความดันเลือดสูง “กินยา” หรือ “เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ” ?

ความดันเลือดสูง (Hypertension) ตรวจพบได้จากการวัดความดันเลือด เป็นโรคที่คนทั่วไปเรียกสั้น ๆ ว่า “โรคความดัน” หมายถึงมีค่าความดันเลือดสูงกว่าปกติ (เท่ากับหรือมากกว่า 140/90 มม.ปรอท) ซึ่งในภาวะปกติระดับความดันเลือดควรจะน้อยกว่า 120/80 มม.ปรอท ค่าความดันเลือด คืออะไร ? การทำงานของหัวใจเพื่อให้ส่งเลือดออกไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้น หัวใจจะต้องบีบตัวขับเลือดออกไป และคลายตัวเพื่อรับเลือดเข้ามาในหัวใจ จึงเกิดการบีบสลับกับการคลายตัวของหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การบีบสลับการคลายตัวของหัวใจจึงปรากฏตัวเลข “ค่าความดันเลือดตัวบน” และ “ค่าความดันเลือดตัวล่าง” 1. ความดันเลือดตัวบน (Systolic blood pressure : SBP)ความดันเลือดในหลอดเลือดที่เกิดขึ้นขณะหัวใจบีบตัว 2. ความดันเลือดตัวล่าง (Diastolic blood pressure : DBP) ค่าความดันของเลือดขณะที่หัวใจคลายตัว “ค่าความดันเลือดปกติที่เหมาะสม” คือ ตัวบนไม่เกิน 120 มม.ปรอท และตัวล่างไม่เกิน 80 มม.ปรอท มีค่าความดันที่ควรให้ความสนใจ ดังนี้ ความดันเลือดปกติ คือ 120-129 […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ยาลดความดันกินแล้วเป็นโรคไต จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ข้อว่าผู้ป่วยกินยาลดความดันเลือดเป็นประจำ อาจทำให้เกิดโรคไต ไตเสื่อม ไตวาย จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีคนเข้าใจว่ากินยาลดความดันเลือดสูง จะทำให้สะสม ทำให้เกิดไตวาย ตับวาย ไม่เป็นความจริง ยาลดความดันเลือดสูงมีการใช้กันมานานแล้วในต่างประเทศก็ไม่มีปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ในทางตรงกันข้าม ยาลดความดันเลือดสูง “ชะลอ” ไม่ให้เกิดไตเสื่อม ไตวาย ซึ่งเป็นยาที่ต้องกิน ถ้าผู้ป่วยความดันเลือดสูงกินยาสม่ำเสมอ ความดันเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไตไม่ต้องทำงานหนัก โอกาสเป็นโรคไตวายก็น้อยลง ยาลดความดันเลือดสูง มีกลไกการทำงานอย่างไร ? ปกติความดันเลือดสูงเป็นตัวเร่งการทำงานของไต ทำให้ไตขับปัสสาวะออกมา ขับของเสียออกมา การลดความดันเลือดด้วยการกินยา จะทำให้ความดันเลือดต่ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไตทำงานได้ปกติ ก็จะไม่ทำให้ไตเสื่อม ไตวาย เพราะการที่มีความดันเลือดสูงทำให้หลอดเลือดเสื่อมด้วย หลอดเลือดที่ไตก็เสื่อมตามความดันเลือดที่สูงขึ้น “ความดันเลือดสูง” อาการแบบไหนที่ต้องกินยา ? คนที่มีความดันเลือดสูงบางคนไม่มีอาการ ผู้ป่วยบางคนมีอาการเพราะความดันเลือดสูงมาก ๆ จะมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน มึนงง เดินเซ บางคนก็สับสน […]

1 17 18 19 20 21 312
...