น้ำพางโมเดล ต้นแบบจัดการป่ายั่งยืน

น่าน 31 ต.ค. 63 – ชูน้ำพางโมเดล จ.น่าน เป็นพื้นที่ประสบความสำเร็จแก้ปัญหาเขาหัวโล้น ชุมชนร่วมดูแลจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้บริหารกระทรวงฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้และที่ดินตามแนวทาง “น้ำพางโมเดล” อ.แม่จริม จังหวัดน่าน ในวาระครบ 5 ปี โครงการน้ำพางโมเดล เพื่อแก้ไขปัญหาภูเขาหัวโล้นสู่ระบบการเกษตรเชิงนิเวศ ตำบลน้ำพาง จำนวน 10 หมู่บ้าน พื้นที่ 4,253 ไร่จำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 285 ราย โดยมีผู้นำท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร โรงเรียนบ้านน้ำพาง และองค์กรภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม ร่วมการสถาปนาน้ำพางโมเดล ที่เปลี่ยนภูเขาหัวโล้นเป็นระบบเกษตรเชิงนิเวศ เพื่อความก้าวหน้าในการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตทางการเกษตรรูปแบบน้ำพางโมเดล ที่ไม่ทำลายสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ และระบบนิเวศ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา น้ำพางโมงเดลได้เปลี่ยนวิธีการทำเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ที่ถูกต้องเหมาะสม เป็นการทำการเกษตรทีาได้ประโยชน์ทั้งชาวบ้านมนชุมชน โดยที่ไม่ต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอย่างถาวร และยังสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในชุมชนได้อย่างมั่นคงยั่งยืน ซึ่งเป็นผลจากความร่วมแรงร่วมใจปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของประชาชนชาวน้ำพาง ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จนสามารถทำให้น้ำพางโมเดลเป็นหนึ่งในโมเดลตัวอย่างสำคัญให้กับอีกหลายๆพื้นที่ได้ ทั้งนี้สิ่งสำคัญชาวบ้านในพื้นที่ สามารถสะท้อนปัญหา หรือสิ่งที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลนำไปหาวิธีขจัดปัญหาเหล่านั่นได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งนี้ได้ให้แนวทางการทำงานกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่จะดำเนินการแก้ปัญหาให้ชาวน้ำพางอย่างรอบด้าน  โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอดนโยบายรัฐบาล แก้ไขปัญหาที่ยังคงค้างคาในหลายพื้นที่ เช่น เรื่องที่ทำกิน และปัญหาปากท้องของประชาชน ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ มีที่ดินทำกินอย่างถูกต้องเหมาะสม และไม่เกิดปัญหาการบุกรุกป่าให้ได้ผลสำเร็จโดยยเร็ว

อีโคสคูล โรงเรียนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

กทม. 29 ต.ค. 63 – ขยายโครงการอีโคสคูล ช่วยพัฒนาเยาวชนไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าสร้างเยาวชนเป็นพลังดูแลปกป้องทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมในท้อนถิ่นอย่างยั่งยืน กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) , สำนักงานเขตพระโขนง และสำนักงานเขตบางนา ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ “โรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” หรืออีโคสคูล โดยสนับสนุนและผลักดัน 11 โรงเรียนรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ในเขตพระโขนง เขตบางนา และสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 พัฒนาเด็กไทยให้เติบโตเป็นพลเมืองที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนตลอดระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2563 – 2565) นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การปลูกฝังจิตสำนึก คุณธรรมและค่านิยมที่ดี ในการมีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชนไทย จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับเยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรืออีโคสคูล ในครั้งนี้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทีมที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา จะทำหน้าที่ให้ความรู้และคำปรึกษากระบวนการพัฒนาโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาฯ หรืออีโคสคูล ในพื้นที่สำนักงานเขตพระโขนง และ สำนักงานเขตบางนา จะทำหน้าที่ให้การสนับสนุนเชิงนโยบาย ประสานงานและติดตามงานในโรงเรียนต่าง ๆ โดยมี บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการ ประสานงานกับภาคีหลัก ให้การสนับสนุนและผลักดันนโยบายของบริษัทในด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน  ซึ่งโรงเรียนและชุมชนทำหน้าที่สนับสนุนและผลักดันให้เกิดการจัดการเรียนรู้ตามหลักการอีโคสคูล การจัดการแลกเปลี่ยนความรู้ รวมทั้งผลักดันและสนับสนุนให้เกิดหลักสูตรด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียน สู่การปฏิบัติที่เกิดจริงในโรงเรียน ชุมชน และสังคมต่อไป รวมทั้งจะขยายผลไปยังภาคธุรกิจเอกชน หน่วยงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2551 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรืออีโคสคูล ตามแผนปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมศึกษาอาเซียน เพื่อสร้างนวัตกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนผ่านกระบวนการเรียนรู้ในโรงเรียน ที่จะกระตุ้นพัฒนาการของเยาวชนให้มีใจรักท้องถิ่น พร้อมดูแลปกป้อง และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน รวมแล้วกว่า 291 โรงเรียน อีกทั้งได้ขยายเครือข่ายโครงการฯ กับหน่วยงานและภาคธุรกิจเอกชนอีกหลายแห่ง เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน

สุดยื้อพะยูนมาหยา

กระบี่ 27 ต.ค. 63 – เจ้าหน้าที่สุดยื้อชีวิตพะยูนสาว ทนพิษบาดแผลจากใบพัดเรือไม่ไหว ตายนะหว่างนำตัวรักษา หลังจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พบพะยูนเพศเมีย ลอยกลางทะเลบริเวณอ่าวมาหยาหมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่  จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนบน เข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือพะยูนตัวดังกล่าว โดยเป็นพะยูน เพศเมีย ขนาดความยาว 1.7เมตร น้ำหนัก 115 กิโลกรัม มีสภาพอ่อนแรง สาหร่ายปกคลุมบริเวณหลัง และพบแผลฉกรรจ์ มีลักษณะเป็นแผลเนื้อตาย เปื่อยยุ่ย บริเวณด้านหลังขนาดแผลยาวประมาณ 20 เซ็นติเมตร กว้าง 7 เซ็นติเมตร มีภาวะท้องอืดลอยตัวเอียงด้านขวา ไม่สามารถทรงตัวว่ายน้ำได้ตามปกติ จึงร่วมกันล้อมจับและรีบขนย้ายด้วยเรือเร็วของเอกชนมาส่งยังท่าเทียบเรืที่ศูนย์วิจัยฯ ภูเก็ต เพื่อรักษา ณศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร  โดยระหว่างการขนย้ายเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและประคองอาการ แต่เนื่องจากสภาพพะยูนอ่อนแอมาก จึงเกิดภาวะช๊อกและเสียชีวิตลงในที่สุด ทั้งนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะผ่าชันสูตรเพื่อวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตในวันที่ 28 ตุลาคม 2563

วราวุธ เน้นย้ำใช้กฎหมายแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

วราวุธ ฝากการบ้านคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และสิ่งแวดล้อม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงฯ ต้อนรับคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้บรหารหน่วยงานของรัฐ ในการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2563 ณ ห้องอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยร่วมพิจารณาหารือแก้ไข ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่กระทบต่อการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจของกระทรวงฯ ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภายหลังประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นส่วนสำคัญสำหรับการติดตามการแก้ปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนตามภารกิจที่ได้รับมบหมาย โดยเฉพาะเข้าช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ได้กำชับให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งแล้วพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เฝ้าระวังสถานการณ์ของฝุุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ที่จะกลับมาสร้างมลภาวะทางอากาศเป็นประจำทุกปี โดยกระทรวงคมนาคม สาธารณสุข มหาดไทย อุสาหกรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถกวดขันบังคับใช้กฎหมายกันอย่างเต็มที่เพื่อลดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ และสุขภาพของประชาชนได้มากที่สุด พร้อมทั้งดูสถานการณ์ของปัญหาภัยแล้งและไฟป่าหมอกควัน ที่ต้องวางมาตรการและแนวทางการรับมือแล้วแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน ขณะที่แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีฝนตกในหลายพื้นที่ของไทย แต่จากรายงานพบว่าเขื่อนหลักหลายแห่ง ยังมีน้ำเข้าเขื่อนไม่มากพอ จึงต้องเฝ้าระวังในพื้นที่ต่าง ๆ […]

“พล.อ.ประวิตร” เป็นประธาน MOU สร้างสวนป่าเบญจกิติ

กรุงเทพฯ 26 ต.ค.- “พลเอกประวิตร” เป็นประธานในพิธีร่วมลงนาม MOU สร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 ระหว่างกรมธนารักษ์กับกองทัพบก วันนี้ (26 ตุลาคม 2563) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีร่วม ลงนาม MOU สร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 ระหว่างกรมธนารักษ์กับกองทัพบก พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมในพิธี ด้านนายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ในปี 2534 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ย้ายโรงงานยาสูบทั้งหมดไปอยู่ส่วนภูมิภาค และให้พัฒนาพื้นที่เดิมของโรงงานยาสูบ เนื้อที่ประมาณ 430 ไร่ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ต่อมาในปี 2535 รัฐบาลมีโครงการจัดสร้างสวนสาธารณะบริเวณพื้นที่โรงงานยาสูบดังกล่าว เพื่อร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ และในปี […]

1 106 107 108 109 110 113
...