นนทบุรี 16 ก.พ. – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมจัดการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching) เน้นเจาะตลาดอาเซียน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมนี้ มั่นใจเพิ่มยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นแน่
นายวิทยากร มณีเนตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เดินหน้าผลักดันและส่งเสริมการส่งออกสินค้าอาหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย อาหารไทย อาหารโลก ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ที่ตั้งเป้านำพาอาหารไทยไปป้อนให้ชาวโลกทั่วทุกทวีปในโลก และผลักดันให้ไทยส่งออกอาหารติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ซึ่งตลาดอาหารฮาลาล (Halal Food) ถือได้ว่าเป็นตลาดที่มีอนาคตสดใสและเป็นตลาดหลักที่ทวีความสำคัญมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรมุสลิมโลกที่คาดว่ามีมากกว่า 1.6 พันล้านคน หรือคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของประชากรโลก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความต้องการสินค้าอาหารฮาลาล ประเภทใหม่ๆเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ชาวมุสลิม ที่มองหาอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสะดวกต่อการพร้อมปรุงหรือพร้อมรับประทาน ซึ่งเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยซึ่งถือได้ว่ามีความโดดเด่นในการผลิตนวัตกรรมทางด้านอาหารที่สอดรับกับ เทรนด์ความต้องการของอาหารโลก อาทิ กลุ่มอาหารสุขภาพที่ได้จากธรรมชาติ (Organic) อาหารที่เน้นเลือกใช้วัตถุดิบเป็นพืช (Vegan & Plant-Based) หรือ อาหารที่เพิ่มสารอาหารเพื่อสุขภาพ (Nutrition Boost) เป็นต้น ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลามได้นั่นเอง”
นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล กล่าวว่ากิจกรรมการผลักดันสินค้าอาหารฮาลาลในครั้งนี้ กรมจะเน้นเจาะเป็นภูมิภาคสำคัญ ได้แก่ ภูมิภาคอาเซียน คาดว่ามีชาวมุสลิมกว่า 242 ล้านคน กำหนดจัดระหว่างวันที่ 22 – 26 กุมภาพันธ์ 2564 และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ซึ่งคาดว่ามีชาวมุสลิมกว่า 578 ล้านคน กำหนดจัดระหว่างวันที่ 15 – 18 มีนาคม 2564 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ากิจกรรมการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง 2 ครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการอาหารฮาลาลของไทยสามารถเปิดลู่ทางการส่งออกสินค้าเข้าสู่กลุ่มประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ถึงกว่า 820 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนชาวมุสลิมทั่วโลกรวมกันเลยทีเดียว โดยกรมจะใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมเป็นการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching) ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งกิจกรรมสำคัญของกรมในปัจจุบัน ที่ช่วยเปิดโอกาสให้สินค้าไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าสามารถสร้างมูลค่าส่งออกได้แล้วถึง 14,475.9 ล้านบาทภายใน 1 ปี.-สำนักข่าวไทย