รัฐสภา 10 เม.ย.-กมธ.ติดตามงบฯ ถกโครงการสร้างตึก สตง.แห่งใหม่ ด้าน ‘ผู้แทน สตง.’ แจงยิบปรับสัญญาถึง 14 มิ.ย.นี้ ทั้งที่การสร้างต้องเสร็จ 31 ธ.ค.66 ยันเหล็ก-ปูนมีมาตรฐาน ลั่นเดินหน้าสร้างต่อ แต่ปรับรูปแบบไม่สูง-ทับที่ตึกเก่า ใช้งบที่เหลือสร้าง
การประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนเป็นประธาน วาระพิจารณาติดตามการบริหารงบประมาณ กรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ที่ถล่มอันเกิดจากแผ่นดินไหว โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล ดังนี้ 1.ผู้ว่าการ สตง. 2.อธิบดีกรมบัญชีกลาง 3.อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง 4.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 5.นายกสภาวิศวกร 6.นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และ 7.นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมถัมภ์
นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษก สตง. กล่าวว่า อาคารของเราเป็นอาคารสูงพิเศษ เป็นไปตามความหมายของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารปี 2522 ฉะนั้น จึงต้องมีการจ้างออกแบบ ซึ่งได้บริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยวงเงิน 73 ล้านบาท และได้ผู้ชนะการประกวดราคา ได้แก่ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) มีการลงนามสัญญา 23 กันยายน 2563 และมีการแก้ไขสัญญา 9 ครั้ง งบประมาณในสัญญาอยู่ที่ 2,560 ล้านบาท ราคากลางขณะที่ประมูลอยู่ที่ 2,522 ล้านบาท แต่ราคาที่ประมูลได้อยู่ที่ 2,136 ล้านบาท แต่เมื่อมีการแก้ไขสัญญาและปรับเนื้องานปัจจุบันสัญญาอยู่ที่ 2,131 ล้านบาท มีระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 36 งวดงาน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เริ่มสัญญาเมื่อส่งมอบพื้นที่ได้คือ 1 มกราคม 2564 และต้องเสร็จตามสัญญาคือวันที่ 31 ธันวาคม 2566 แต่ระหว่างนั้นมีการขอขยายระยะเวลา 2 ครั้ง เนื่องจากสถานการณ์โควิดและการปรับแก้สัญญา ซึ่งมีการขยายไปจนถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2567 และเราได้มีการปรับแผนตามหนังสือ วอ.1459 ต่อไปถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ค่าปรับเท่ากับศูนย์ตามหนังสือ วอ.3693 วันที่ 7 สิงหาคม 2568
นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ สตง.ได้เช่าที่รถไฟในพื้นที่ 10 ไร่ เพราะเราต้องการใช้พื้นที่ในการทำงานของเจ้าหน้าที่จำนวน 2,400 คน ซึ่งในส่วนนี้รวมถึงอาคารจอดรถ 1 อาคาร อาคารอบรม 1 อาคาร เรามีหน่วยงานภายใน 50 หน่วยงาน ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องมีตึกสูง อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่มีการออกแบบเราได้มีการไปปรึกษาอัยการสูงสุดเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ 2-3 ครั้ง จนกระทั่งได้บริษัทที่ชนะออกมา และเราก็ได้ผู้รับจ้างคือบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ที่ถูกมอบให้เป็นผู้เซ็นสัญญา ซึ่งเราได้มีการถามบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ว่าสามารถลดจากราคากลาง 300 กว่าล้านได้หรือไม่ คำตอบที่ได้คือเขามีทุนและมีเครื่องมือ และเขาทำเราจึงมีการปรับเงินจาก 2,522 ล้านบาทนั้น มาอยู่ในวงเงินที่เขาเสนอคือ 2,136 ล้านบาท แต่ต้องได้ตึกตามที่เราประกวดราคา และมีการจ่ายเงินไปแล้ว 22 งวด หรือเป็นวงเงิน 966 ล้านบาทรวมเงินที่ต้องจ่ายล่วงหน้า
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ด้วยจำนวนเงินดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมากที่สุดเท่าที่ สตง. ได้ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการทุจริต โครงการข้อตกลงคุณธรรม กับกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งอยู่ในช่วงการบริหารสัญญา เรายินดีที่จะนำเงินเป็นค่าทำเนียมให้กับผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการข้อตกลงคุณธรรมปีละ 2 แสน เป็นเวลา 3 ปี รวม 6 แสนด้วยเงินของ สตง.
“เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 เขาควรได้งาน 86.77 เปอร์เซ็นต์ หากทำอย่างถูกต้อง แต่เขากลับมีงานแค่ 33 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงมีมติขอให้บอกเลิกสัญญา และอยู่ระหว่างการเสนอผู้มีอำนาจดำเนินการ แต่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจหมดวาระ ต้องรอชุดใหม่เข้ามา เรื่องจึงอยู่ตรงนั้น” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และทราบว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เราก็จะสามารถชี้ผู้ที่รับผิดได้ ซึ่งการที่ สตง.ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงนั้น ก็เพราะหากมีการตั้งคณะกรรมการจริง เรื่องก็จะยุติ เนื่องจากสิ่งที่เราทำอยู่เรามีเอกสารอย่างละเอียดทุกประการ ฉะนั้น จึงขอให้หน่วยงานที่ถูกตั้งเป็นคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบนั้น ช่วยบอกหน่อยว่าตึกถล่มเพราะอะไร
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เราไม่ได้นิ่งเฉย เราได้เข้าไปบริเวณตึกถล่มทุกวัน รวมถึงเมื่อศพผู้เสียชีวิตไปถึงจังหวัดไหน สตง.จังหวัดนั้นต้องเข้าไปเป็นเจ้าภาพ ย้ำว่า หาก สตง.ตั้งคณะกรรมการสอบ สตง.เอง สตง.ก็จะไม่ผิด ฉะนั้นจึงต้องให้คนนอกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าใครที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องงานก่อสร้างเราต้องเดินหน้าต่อ แต่ก็เห็นว่าจะทำตึกสูงเหมือนเดิมไม่ได้ และเราได้เช่าที่รถไฟบริเวณด้านหน้าเพิ่มอีก 4 ไร่ เราจึงจำเป็นที่จะต้องแก้แบบให้เป็นแบบแนวราบ กว้าง 50 ตารางวา ยาว 100 ตารางวา เอาทุกอย่างให้ไม่ต้องทันสมัย แอร์ก็ติดผนังธรรมดาเวลาเสียจะได้ไม่ต้องซ่อมยาก แล้วค่อยใส่ความทันสมัยในเทคโนโลยีเวลาทำงาน งบประมาณในการก่อสร้างคงจะไม่ถึง 2,000 ล้านบาท และจะไม่สร้างทับ บริเวณที่ตึกถล่ม จะขยับมาข้างหน้า รวมถึงจะใช้งบประมาณที่เหลือในการก่อสร้างต่อ
ส่วนเรื่องเหล็กที่มีปัญหานั้น ตัวแทน สตง. กล่าวว่าเรากำหนดมาตรฐานของเหล็กไว้คือต้องได้ มอก.หรือเหล็กตัวที ที่ปรากฏไว้ใน มอก. เรารู้แค่นี้ เราไม่ใช่วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เราเป็นนักกฎหมาย เราเป็น สตง.ที่ดูตามเอกสารว่าต้องมีการพิจารณาอย่างไร และมีการยืนยันว่าเหล็กตัวทีสามารถใช้ได้ แต่มีข้อสังเกตสองอย่างคือ เมื่อเป็นเหล็กตัวทีเขาไม่อยากให้เชื่อมให้ใช้ข้อต่อเชิงกล และมีการทดสอบดัดโครงแล้ว เช่นเดียวกับเรื่องของคอนกรีตที่มีการกำหนดมาตรฐานไว้และมีการทดสอบทางโครงสร้างปรากฏว่าค่าอยู่ที่ 400 กว่า มากกว่ามาตรฐานที่เราต้องกว่า
ด้านนายสุทธิพงษ์ กล่าวเสริมว่า หากอยากตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับปูน ก็สามารถตรวจสอบได้ไม่ยากเพราะเรามีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับปูนแค่สองบริษัท การจะบอกว่าตึกเราเพิ่งเซ็ตตัวนั้นไม่ใช่เพราะตึกตั้งสง่ามา 4 ปีแล้ว.-314.-สำนักข่าวไทย