สงขลา 10 เม.ย. – ตำรวจคุมตัวโจรมาเลย์ชิงทอง 138 บาท ในพื้นที่หาดใหญ่ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พบประวัติสุดแสบ ปล้นฆ่าที่มาเลเซียตั้งแต่อายุ 17 ยังหนีมาก่อเหตุซ้ำที่ไทยอีกหลายครั้ง
ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 คุมตัว นายยีบุนลง หรือนายอาหวู่พะ หรือ อุ หรืออาเฮีย สินเกา หรือนายอนุชา แซ่โหยว ชาวมาเลเซีย คนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองห้างทองไทยอุดม 2 ย่านตลาดสดพลาซ่า กลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ได้ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 138 บาท มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท หลบหนี ก่อนถูกตำรวจตามไปจับกุมได้ ภายในสถานีขนส่งกรุงเทพสายใต้ใหม่เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) เดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินตำรวจ มาทำแผนประคำรับสารภาพ
จุดแรกได้นำตัวไปทำแผนที่ร้านทอง เริ่มจากขับรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าร้านข้าวมันไก่ แล้วเดินเข้าไปก่อเหตุชิงทองภายในร้าน และเดินกลับมาขึ้นรถจักรยานยนต์ จุดที่สอง ภายในซอยถนนทิพรัตน์ตัดถนนแสงศรี ที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งและเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนกางเกง จุดที่ 3 จุดที่ขึ้นจักรยานยนต์รับจ้างหน้าตลาดกิมหยงไปยังสถานีขนส่งหาดใหญ่ ไปลงบริเวณวงเวียนข้างสถานีขนส่งหาดใหญ่ จุดที่ 4 เป็นหอพักในซอย 10 ถนนศรีภูวนารถซึ่งเป็นหอพักที่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และจุดที่ 5 ที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ตอนขึ้นรถทัวร์หนีไปกรุงเทพฯ โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพทุกจุดผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุความวุ่นวาย เบื้องต้น นายยีบุนลง รับสารภาพว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวไม่มีใครเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
จากนั้น ชุดสืบสวนจึงคุมตัวผู้ต้องหา ส่ง สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดี ใน 3 ข้อหาตามหมายจับ คือ ชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนของกลางทองรูปพรรณ 138 บาท ประกอบ ด้วยสร้อยคอทองคำ 1 บาท 19 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 2 บาท 12 เส้น รวม 24 บาท สร้อยคอทองคำ 2 บาท 19 เส้น รวม 38 บาท และ สร้อยข้อมือทองคำ 3 บาท 19 เส้น รวม 57 บาท ตำรวจได้นำไปตรวจนับอย่างละเอียดอีกครั้งและเตรียมส่งคืนร้านทองต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนฯ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ได้แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.อ.ธนายุตม์ ระบุว่า ผู้ต้องหามีประวัติเคยก่อเหตุตั้งแต่อายุ 17 ปี ในประเทศมาเลเซีย ทั้งปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่น กระทั่งถูกผลักดันออกนอกประเทศมาเลเชีย เลยหนีมากบดานในประเทศไทย และยังมีการก่อเหตุซ้ำ

โดยเมื่อปี 2558 ได้ฆ่าผู้อื่น 2 คน ที่ อ.หาดใหญ่ และปี 2560 ก่อเหตุชิงทองกว่า 100 บาท บริเวณร้านทองตรงข้ามร้านที่เกิดเหตุปัจจุปัน โดยมีการนำทองบางส่วนไปขายเพื่อซื้ออาวุธปืน ซึ่งคดีเก่าถูกจับกุมและถูกศาลจำคุกกว่า 20 ปี แต่รายละเอียดว่าไดัรับการประกันตัวหรือได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบ และในปี 2568 มาก่อเหตุชิงทองร้านดังกล่าวอีก
จากการขยายผลพบว่า ผู้ต้องหาถือ 2 สัญชาติ คือไทยและมาเลเซีย รวมทั้งมีบัตรประชาชนคนไทยหลายใบ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ ตำรวจภูธรภาค 9 ตรวจสอบรายละเอียด ว่าการที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมในคดีอาญา แล้วมีการผลักดันออกนอกประเทศไปช่องทางใด แต่ยืนยันเบื้องต้นว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้มีการผลักดันและขึ้นแบล็กลิสต์ไปแล้ว แต่ผู้ต้องหากลับเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ยืนยันไม่ได้เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แต่เพราะผู้ต้องหาจงใจเข้ามาก่อเหตุ จึงหาวิธีหลบเลี่ยง ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ ได้สั่งการให้ตรวจสอบขยายผลที่มาของอาวุธปืนดังกล่าวแล้ว.-สำนักข่าวไทย