กรุงเทพฯ 2 พ.ค.-ผู้ค้าชุดนักเรียนย่านบางลำพูโอดยอดขายลดฮวบ 50% ชุดลูกเสือขายไม่ออก ด้านผู้ปกครองยอมรับเศรษฐกิจไม่ดี ซื้อจำนวนชุดน้อยลง ใส่ของเก่า ปักเสื้อเปลี่ยนชื่อพี่เป็นชื่อน้อง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่ย่านบางลำพู สำรวจบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยช่วงใกล้เปิดเทอม โดยบรรดาผู้ค้าส่วนใหญ่ยอมรับว่า บรรยากาศการจับจ่ายปีนี้ เป็นไปอย่างเงียบเหงา แตกต่างจากทุกปีที่จะเริ่มคึกคักตั้งแต่เริ่มต้นเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ที่เป็นวันแรงงานแห่งชาติ ปกติแล้วผู้ปกครองจะพาบุตรสาวมาซื้อกันเป็นจำนวนแต่ปีนี้แทบไม่มี คาดว่าปีนี้ยอดขายลดลงกว่าปีที่แล้ว 50% อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวจีนที่มาซื้อชุดนักเรียนอยู่บ้างแต่ก็หายไปค่อนข้างมากเช่นกัน จากเหตุแผ่นดินไหวและข่าวลักพาตัวนักแสดงชาวจีนในไทย

นอกจากนี้ยังพบว่า ปีนี้ พบว่าผู้ปกครองนำเสื้อนักเรียนเก่ามาปักชื่อ ใหม่ เช่น เปลี่ยนชื่อพี่เป็นชื่อน้อง เปลี่ยนชื่อ โรงเรียนเก่าเป็นโรงเรียนใหม่ บางครั้ง บางครั้ง เสื้อนักเรียนเก่ามากทางร้านจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อใหม่ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางคนนำเสื้อมาปักแล้วไม่มาเอาก็มี
ส่วนชุดลูกเสือ-เนตรนารี สตอกไว้แล้วตั้งแต่ต้นปี จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครมาซื้อ ส่วนใหญ่รอดูความชัดเจนว่าจะ โรงเรียนจะยังให้แต่งหรือไม่ พร้อมเสนอแนะว่าหากจะให้มีการยกเลิกการใส่ชุดลูกเสือ-เนตรนารี ควรแจ้งล่วงหน้า เช่น จะยกเลิกภายใน 3 สามปีเพื่อให้ ผู้ผลิตและร้านค้ามีเวลาปรับตัว ทยอยลดสตอกของลง

ด้านผู้ปกครองนักเรียน ปรับตัวเช่นกัน นายปรมัตถ์ กองคำ เปิดเผยว่า ปีนี้ลูกชายขึ้น ป. 1 ต้องซื้อชุดนักเรียนทุกปี เพราะลูกชายโตเร็ว ปีนี้ซื้อที่โรงเรียน ทั้ง ชุดนักเรียน ชุดพละ ชุดคุณธรรม และชุดลูกเสือ เนื่องจาทางโรงเรียนยังให้ใส่ โดยมาซื้อชุดนักเรียนเพิ่มที่ย่านบางลำพู อีก 2 ชุด ยอมรับว่าปีนี้ซื้อน้อยลงเพราะว่าทุกอย่างราคาแพงขึ้นจำเป็นต้องควบคุมค่าใช้จ่าย
นางศิโรรัตน์ ฉะอ้อนศรี พาลูกสาว ที่กำลังจะขึ้นชั้น ป.5 มาซื้อชุดนักเรียน 2 ชุด เกือบ 1,200 บาท และรองเท้านักเรียน ส่วนชุดอื่นๆ ของเดิมยังพอใส่ได้ ยังไม่รู้ว่าระหว่างเทอมจะต้องซื้อเพิ่มอีกหรือไม่ ยอมรับว่าซื้อน้อยลงจากปีที่แล้วเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนชุดลูกเสือ-เนตรนารี ตอนนี้ชุดเดิมยังพอใส่ได้ หากทางโรงเรียนไม่ยกเลิก ก็ให้ใส่ต่อได้ แต่ถ้าหากยกเลิก มองว่าเป็นประโยชน์ในอนาคตที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง.-516.-สำนักข่าวไทย