ชาวจีนหายตัวในไทยได้รับการช่วยเหลือ

ปักกิ่ง, 4 ก.ค. – สถานทูตจีนประจำกรุงเทพเปิดเผยวันนี้ว่า ชาวจีนรายหนึ่งที่หายตัวไปในประเทศไทย หลังตกลงรับงานถ่ายแบบ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว พร้อมเตือนพลเมืองจีนให้ระมัดระวังในการรับข้อเสนองานต่างๆ สถานทูตระบุในแถลงการณ์ว่า การช่วยเหลือบุคคลแซ่ หรือ นามสกุล “จง” เป็นความร่วมมือของหลายฝ่าย แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม รวมถึงชื่อเต็มและเพศของบุคคลดังกล่าว สื่อท้องถิ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนรายงานในวันศุกร์ว่า ชายชาวจีนวัย 23 ปี นามสกุล “จง” ถูกหลอกลวงและถูกส่งตัวไปยังเมียนมา หลังจากเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อรับงานถ่ายแบบปกนิตยสารในช่วงต้นเดือนมิถุนายน สถานีโทรทัศน์ ซีซีทีวี ของทางการจีนระบุว่า น้องสาวของเขาได้รับโทรศัพท์ที่น่าสงสัยจากเขาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่เขาอยู่ในสถานที่ที่ไม่สามารถระบุได้ในเมียนมา น้องสาวจึงได้แจ้งความคนหายต่อตำรวจในกว่างโจวและกรุงเทพ สถานทูตในกรุงเทพได้แจ้งเตือนพลเมืองจีนให้ระมัดระวัง “งานที่ให้ค่าตอบแทนสูง” ในต่างประเทศที่น่าสงสัย โดยชี้แจงว่า ประเทศไทยกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องจึงจะสามารถทำงานในประเทศไทยได้ คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และแผนการฉ้อโกงการจ้างงานที่พุ่งเป้าไปที่ชาวจีนในต่างแดน สหประชาชาติระบุในรายงานว่า เครือข่ายอาชญากรรมได้ดำเนินการค้ามนุษย์หลายแสนคนโดยนำตัวไปยังแหล่งหลอกลวงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหลายแห่งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยเหยื่อถูกบังคับให้ทำงานในโครงการออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย เหตุการณ์ล่าสุดนี้คล้ายคลึงกับกรณีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในเดือนมกราคม เมื่อนักแสดงชาวจีนวัย 31 ปี ถูกหลอกให้รับงานแสดงภาพยนตร์ในประเทศไทย แต่กลับถูกลักพาตัวและนำไปยังแหล่งหลอกลวงออนไลน์ในเมียนมาเพื่อบังคับใช้แรงงาน ซึ่งในที่สุดเขาได้รับการช่วยเหลือโดยตำรวจไทย หลังจากเหตุการณ์นี้ จีนและประเทศไทยได้ตกลงที่จะจัดตั้งศูนย์ประสานงานในกรุงเทพ เพื่อสอบสวนและปราบปรามกลุ่มอาชญากรที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงดังกล่าว สถานทูตจีนประจำเมียนมาได้เผยแพร่ประกาศฉบับยาวในบัญชีแอปพลิเคชันส่งช้อความ “วีแชต” (WeChat) […]

กต. ฟาด “ผู้นำกัมพูชา” หยุดแทรกแซงการเมืองไทย

ก.ต่างประเทศ 2 ก.ค.- กต. ฟาด “ผู้นำกัมพูชา” จ้อสื่อออนไลน์ อยากเห็นไทยเปลี่ยนผู้นำประเทศ แทรกแซงกิจการการเมืองไทย ขัดกฎหมายระหว่างประเทศร้ายแรง “นิกรเดช” เรียกร้องใช้สันติวิธีแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีการแสดงความเห็นของผู้นำกัมพูชาในสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการกล่าวในลักษณะเรียกร้องและต้องการเห็นการเปลี่ยนผู้นำของรัฐบาลไทย ว่า รัฐบาลไทยเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งขัดต่อกฎบัตรอาเซียน กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยจึงขอเรียกร้องให้ผู้นำกัมพูชายุติการกระทำในลักษณะดังกล่าวโดยทันที เนื่องจากการดำเนินการเช่นนี้มีผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างร้ายแรง และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหันมาแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีระหว่างสองประเทศโดยเร็ว.-312.-สำนักข่าวไทย

US dollar banknotes

สแกมเมอร์สบช่องช่วงกัมพูชาเกิดกระแสรักชาติ

พนมเปญ 3 มิ.ย.- ทางการกัมพูชาเตือนประชาชนให้ระวังผู้ฉวยโอกาสในช่วงที่เกิดกระแสรักชาติทั่วกัมพูชาจากเหตุทหารกัมพูชาปะทะกับทหารไทย เพราะมีประชาชนและผู้มีชื่อเสียงหลายคนพากันบริจาคให้แก่ทหารที่อยู่แนวหน้า เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า ในการกล่าวสุนทรพจน์พิเศษที่วุฒิสภาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม หนึ่งวันหลังเกิดเหตุปะทะที่จังหวัดพระวิหารและมีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาได้ร้องขอให้ชาวกัมพูชาทุกคนบริจาคให้แก่ทหาร เพื่อแสดงออกซึ่งความเป็นเอกภาพแห่งชาติและความรับผิดชอบร่วมกัน หลังจากนั้นผู้มีฐานะดีหลายคนได้ประกาศบริจาคเงินให้แก่กองทัพ เช่น นายกิ๊ต เม็ง ประธานหอการค้ากัมพูชาและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอรอยัลกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจใหญ่ของกัมพูชาที่ประกาศบริจาคเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.5 ล้านบาท) แก่ทหารแนวหน้าตามแนวชายแดนไทย ขณะเดียวกันในโลกสื่อสังคมออนไลน์ล้วนเต็มไปด้วยผู้ใช้งานชาวกัมพูชาที่แสดงความรักชาติและรณรงค์สนับสนุนทหารชายแดนด้วยการระดมเงินเพื่อซื้ออาหาร เสื้อผ้าและสิ่งของ กระทรวงต่อต้านอาชญากรรมเทคโนโลยีของกัมพูชาออกประกาศเตือนเมื่อวันเสาร์ ให้ประชาชนระมัดระวังในการบริจาคเงินออนไลน์ เพราะตรวจสอบพบบัญชีออนไลน์และเพจเฟซบุ๊กต้องสงสัยหลายแห่งที่ใช้ตัวตนปลอม หรือหลอกให้คนบริจาคโดยอ้างว่าจะนำเงินไปช่วยทหารและครอบครัวทหาร นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชนแจ้งทางการด้วย หากพบการระดมเงินน่าสงสัย ขณะที่รัฐบาลยังไม่ประกาศว่า จะตั้งกองทุนอย่างเป็นทางการเพื่อจัดการกับเงินบริจาคในอนาคตอย่างไร.-814.-สำนักข่าวไทย

โป๊ปองค์ใหม่เริ่มใช้งานโซเชียลมีเดีย

วาติกัน 14 พ.ค. – สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้หลังทรงได้รับเลือกเป็นพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงโพสต์ข้อความลงบนสื่อโซเชียลครั้งแรกเมื่อวานนี้ หลังจากทรงได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื้อหาที่โพสต์มาจากพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงปราศรัยต่อสาธารณชนครั้งแรก และมีรูปถ่ายบางส่วนซึ่งเป็นภาพในวันแรกที่ทรงเข้ารับตำแหน่งของพระองค์ เนื้อหาข้อความที่โพสต์มีใจความว่า “ขอให้สันติสุขอยู่กับพวกท่านทุกคน นี่คือคำทักทายแรกที่พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ ข้าพเจ้าอยากให้คำทักทายแห่งสันติสุขนี้ก้องอยู่ในใจของพวกท่าน ในครอบครัวของท่าน และในหมู่ผู้คนทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในทุกประเทศ และทั่วโลก” โป๊ปเลโอที่ 14 ทรงเลือกใช้บัญชีแพลตฟอร๋มเอ็กซ์ ที่เป็นบัญชีเดิมที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสผู้ล่วงลับ และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเคยใช้งานมาก่อนซึ่งบัญชีดังกล่าวมีผู้ติดตามมากถึง 52 ล้านคนจากบัญชีทั้ง 9 ภาษา ส่วนแพล็ตฟอร์มอินสตาแกรมทรงใช้ชื่อบัญชีใหม่ของพระองค์เอง คือ Pontifex – Pope Leo XIV ซึ่งจะเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการเพียงบัญชีเดียวบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของบริษัทเมตา ล่าสุดมียอดผู้ติดตามแล้ว 3.2 ล้านคน.-816.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเนรเทศชาวไต้หวันไม่ทราบจำนวนไปจีนข้อหาฉ้อโกง

โฆษกกระทรวงต่างประเทศไต้หวันกล่าวที่กรุงไทเป ในวันนี้ว่า รัฐบาลไต้หวันยังคงพยายามตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีชาวไต้หวันจำนวนเท่าใดที่ถูกเนรเทศจากกัมพูชาไปยังจีนในข้อหาฉ้อโกง

flower put on tomb

จีนเปิดตัว “เช็งเม้งออนไลน์”

ปักกิ่ง 4 เม.ย.- จีนเปิดตัวมินิโปรแกรม “เช็งเม้งออนไลน์” (cloud memorial) บนวีแชท นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาผสมผสานกับแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปรับเปลี่ยนการสืบสานประเพณีโบราณในเทศกาลชิงหมิงหรือเช็งเม้งที่ผู้คนพร้อมใจรำลึกถึงบรรพบุรุษในวันที่ 4 เมษายนปีนี้ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ทางการของตำบลสือซานหลิง ห่างจากใจกลางกรุงปักกิ่งไปทางเหนือด้วยการเดินทางด้วยรถยนต์ราว 1 ชั่วโมง ได้เปิดตัวมินิโปรแกรมเช็งเม้งออนไลน์บนวีแชท แอปพลิเคชันสนทนายอดนิยมในจีน เพื่อให้ประชาชนสามารถรำลึกถึงผู้ล่วงลับผ่านระบบออนไลน์ โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพถ่ายและวิดีโอของบุคคลอันเป็นที่รัก สร้างอัลบั้มรำลึกดิจิทัลเฉพาะบุคคล ตลอดจนสร้างอวตารปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเก็บรักษาความทรงจำเกี่ยวกับบรรพบุรุษของพวกเขา ทั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศในปี 2551 ให้เทศกาลเช็งเม้งเป็นวันหยุดสาธารณะ จึงเป็นโอกาสให้ผู้คนนับล้าน ซึ่งเดินทางออกจากบ้านเกิดเพื่อไปเรียนหรือหางานทำ จะได้กลับไปเคารพบรรพบุรุษที่สุสานของตระกูล และพบปะญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเดินทางไกลกลับบ้านเกิดได้ ตำบลสือซานหลิงจึงได้นำเสนอนวัตกรรมข้างต้น โดยโปรแกรมรำลึกแบบดิจิทัลดังกล่าวยังรองรับ “ป้ายหลุมศพดิจิทัล” ซึ่งเป็นโปรไฟล์เสมือนที่เชื่อมโยงกับหลุมศพจริงผ่านรหัสคิวอาร์ (QR code) ที่ช่วยให้เข้าถึงบริการรำลึกได้สะดวกยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้แล้วมากกว่า 1 แสนคน โดยมีการสร้างป้ายหลุมศพดิจิทัลกว่า 20,000 รายการ พิธีศพถือเป็นเรื่องสำคัญในสังคมจีน และในอดีต ความหรูหราของพิธีศพและหลุมฝังศพเคยถูกใช้เป็นเครื่องชี้วัดความกตัญญูของลูกหลาน แต่ปัจจุบัน แนวคิดการฝังศพแบบรักษ์โลกที่มุ่งลดความฟุ่มเฟือยและส่งเสริมพิธีศพเชิงอนุรักษ์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น สุสานฝูโซ่วหยวน ในเมืองอิ๋นชวน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน […]

อินเดียนำพลเมืองเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศเกือบ 300 คน

อินเดียนำตัวพลเมืองเกือบ 300 คน กลับบ้าน หลังจากที่ถูกล่อลวงไปในอยู่ในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเมียนมา โดยเสนอให้ตำแหน่งงานที่ไม่มีจริง

First group of Chinese nationals extricated from Myanmar scam centres arrive in China Feb 20,2025

อย่าหลงเชื่อ! คำชักชวน “งานดี เงินเยอะ”

เซี่ยงไฮ้ 4 มี.ค.- หนุ่มชาวจีนที่เพิ่งรอดชีวิตจากขุมนรกศูนย์สแกมออนไลน์ในเมียนมา เล่าเส้นทางที่นำไปสู่การทำงานหลอกลวงออนไลน์ และภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา “ที่นั่น .. ผมเห็นคนถูกขาย ถูกเฆี่ยนตี รวมทั้งเห็นคนตายทุกวัน” นี่คือคำบอกเล่าส่วนหนึ่งของ จู่ โปชุน หนุ่มจีนวัย 39 ปี ที่เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ของฮ่องกง หลังจากที่เพิ่งรอดพ้นจากขุมนรกศูนย์สแกมออนไลน์ในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองเอกของเขตปกครองพิเศษโกก้าง เมียนมา และได้กลับยังบ้านเกิดในเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อไม่นานมานี้ จู่เผยว่า กลางปี 2566 เขาถูกหลอกให้เข้าไปพัวพันกับแก๊งสแกมออนไลน์ หรือ แก๊งหลอกทรัพย์คนผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพราะความอยากได้งานทำจึงเข้าไปหาข้อมูลตามกลุ่มแชทต่าง ๆ จากนั้นมีชายคนหนึ่งติดต่อมาทาง WeChat ส่วนตัวพร้อมกับเสนองานให้พร้อมรายได้งามอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน คือ เดือนละ 10,000 หยวน หรือ ราว 50,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้ทำงานง่าย ๆ เพียงลักลอบนำของผ่านด่านศุลกากรไทย หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย จู่ก็ได้รับตั๋วรถไฟให้เดินทางไปที่สิบสองปันนา มณฑลยูนนานทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อถึงปลายทางเขาได้พบกันคนจากต่างถิ่นซึ่งเผชิญชะตากรรมเดียวกันอีก 5 คน ทั้งหมดถูกชายในชุดทหารพรานกลุ่มหนึ่งพาเดินเท้าข้ามเขาต่อไปยังชายแดนจีน-ลาว  จู่เล่าว่า เมื่อถึงแนวชายแดน […]

no scam sign

ฮ่องกงคุยกับไทยเรื่องช่วยคนฮ่องกงถูกล่อลวง

ฮ่องกง 15 ม.ค.- เจ้าหน้าที่ฮ่องกงเดินทางมาหารือกับเจ้าหน้าที่ไทย เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวฮ่องกงที่ถูกล่อลวงให้มาทำงานออนไลน์ผิดกฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังกวาดล้างปัญหาดังกล่าวที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลฮ่องกงแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า สันนิษฐานมีชาวฮ่องกงถูกล่อลวงมายังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย โดยพบสัญญาณการล่อลวงเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2567 รัฐบาลฮ่องกงแถลงในเวลาต่อมาว่า คณะเจ้าหน้าที่ที่นำโดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงได้พบหารือกับตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยเมื่อวานนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องการหาทางนำชาวฮ่องกงกลับบ้านให้ได้โดยเร็วที่สุด ทางการฮ่องกงได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือแล้ว 28 คำร้อง ผู้ตกเป็นเหยื่อใน 16 คำร้องได้กลับฮ่องกงแล้ว และอีก 12 คำร้องยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเกิดกรณีครึกโครมของนายหวัง ซิงหรือซิงซิง นักแสดงชายชาวจีนขาดการติดต่อกับแฟนสาวหลังจากเดินทางมาไทย จนกระทั่งพบว่าถูกหลอกเดินทางไปทำงานออนไลน์ผิดกฎหมายในเมียนมาและได้รับการช่วยเหลือกลับมา สหประชาชาติระบุว่า เมืองชายแดนในไทย สปป.ลาว และเมียนมากลายเป็นศูนย์กลางการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ถูกล่อลวงส่วนใหญ่เป็นคนในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังมาจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง บางรายมาไกลจากแอฟริกาและลาตินอเมริกาด้วย ด้านสถานทูตจีนในเมียนมาแถลงเมื่อวันที่ 10 มกราคม เตือนพลเมืองจีนให้ระมัดระวังการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ หลังจากมีรายงานข่าวหลายครั้งเรื่องชาวจีนถูกแก๊งออนไลน์ล่อลวงมายังเมืองเมียวดี ในรัฐกะเหรี่ยง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมียนมา ซึ่งติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย โดยอ้างว่ามีงานเงินเดือนสูงให้ทำในต่างประเทศ.-814.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียจ่อกำหนดอายุขั้นต่ำใช้งานสื่อออนไลน์

รัฐมนตรีคมนาคมและกิจการดิจิทัลของอินโดนีเซียแถลงว่า รัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนที่จะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุขั้นต่ำของผู้ที่จะสามารถใช้งานสื่อสังคมออนไลน์

1 2 3 22
...