กรุงเทพ ฯ 20 มิ.ย. – บลจ.กสิกรไทย คงเป้าหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,750 จุด มองหุ้นไทยขึ้นแรงแค่ภาวะชั่วคราว สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยังกดดันตลาดหุ้นต่อไป พร้อมเตรียมคุยกัยสศค.สรุปรูปแบบกองทุนทดแทน LTF หนุนเกณฑ์ภาครัฐ
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นแรง น่าจะเป็นภาวะชั่วคราว ขานรับข่าวที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ส่งสัญญาณจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นโลกเติบโตในอัตราที่ชะลอลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศแกนหลักที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ซึ่งแม้ว่าตลาดคาดการณ์ว่าการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ในการประชุม G20 วันที่27-28 มิถุนายนนี้ น่าจะมีการเจรจาหาทางออกร่วมกันได้ แต่ความกังวลเรื่องสงครามการค้ายังมีต่อไป ดังนั้น บลจ.กสิกรไทย ยังไม่ปรับเป้เหมายดัชนีหุ้นไทยขึ้น โดยคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,750 จุด คาดการณ์อัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียน ( EPS ) ปีนี้ที่ร้อยละ 11 Forward PE ที่ 16.1 เท่า และ อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 3.4
ส่วนธีมการลงทุนในปีนี้ จะเน้นให้สอดคล้องกับกระแส Megatrends 4 ด้าน คือ การขยายตัวของความเป็นเมือง นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและสังคม
นายวศิน กล่าวถึงการศึกษามาตรการทางภาษีเพื่อการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่จะสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2562 ว่า ในเร็ว ๆนี้จะหารือร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ( สศค.) ศึกษากองทุนรูปแบบใหม่ที่มาทดแทนกองทุน LTF ซึ่งเบื้องต้นเห็นสอดคล้องกับทางสศค.ว่าต้องมีการปรับรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยต้องลดวงเงินในการสนับสนุนมาตรการทางภาษี ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะหักลดหย่อนไม่เกิน 250,000 บาทต่อคนตามที่สศค.ศึกษาหรือไม่ แต่กองทุนต้องนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นยั่งยืน อย่างน้อยร้อยละ 50 ส่วนที่เหลือกองทุนสามารถลงทุนในหุ้นอื่น ๆ ได้ เป็นต้น ขณะที่ผู้ลงทุนมีกำหนดต้องถือกองทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คาดกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานปี 2562 อยู่ที่ 1.57 แสนล้านบาท ลดลง 16.48% เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอีก หลังจากที่สงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนกระทบเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันน้อยลง แม้ว่ากลุ่มประเทศ OPEC จะปรับลดปริมาณการผลิตก็ตาม โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดูไบปี 2563 จะอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล จากที่ปีนี้คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 63 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาเรล ดังนั้นจึงได้คงมุมมองในหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ในระดับกลาง แต่ลดมุมมองกลุ่มปิโตรเคมีเป็นลบ เพราะราคาปิโตรเคมียังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก โดยทาง บล.กสิกรไทย เลือก บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เป็นหุ้นเด่น เพราะประมาณการกำไรมีความผันผวนต่ำกว่ารายอื่น และมีโอกาสได้รับการเพิ่มมูลค่าจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณสำรองปิโตรเลียม โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 148 บาท/หุ้น กลางปี 2563 และส่วนกลุ่มปิโตรเคมีเลือกบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 69.30 บาท/หุ้น . – สำนักข่าวไทย